อีกแล้ว! รถไฟชนรถบรรทุกสิบล้อฝ่าแผงกันพังยับ ใกล้จุดเคยเกิดโศกนาฏกรรมรถทัวร์กฐิน
ขบวนรถไฟชนรถบรรทุก 10 ล้อเจ็บ 1 ราย หลังขับฝ่าแนวแผงกั้นทาง จุดเกิดเหตุเลยถัดมาจากสถานีรถไฟชื่อดัง “คลองแขวงกลั่น” ที่ใกล้จะครบ 1 ขวบปีหลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าพุ่งชนรถทัวร์กฐิน 19 ศพในอีก 9 วันมาแค่เพียง 1 สถานีเท่านั้น แต่โชคดีที่ครั้งนี้ไม่มีใครเสียชีวิต แต่ทำชาวบ้านลุ้นระทึกและทรัพย์สินพังเสียหาย
วันที่ 2 ต.ค.64 เวลา 05.45 น. ร.ต.ต.เชิดชาย สาลีผล รอง สวป. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรงานป้องกันและปราบปราม ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบอุบัติเหตุ กรณีขบวนรถไฟโดยสารพุ่งชนกับรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ที่บริเวณจุดตัดทางข้าม ถนน อบจ.ฉะชิงเทรา ฉช.ถ 1-0002 (รพช.เดิม หรือ ฉช.3014) พื้นที่ ม.7 ต.คลองเปรง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เลยห่างจากสถานีรถไฟเปรงมาประมาณ 500 เมตร
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ แบบตู้ทึบ ยี่ห้อนิสสันหมายเลขทะเบียน 63-2502 กรุงเทพฯ อยู่ในสภาพนอนล้อมตะแคงข้างพุ่งชนเข้ากับร้านค้าของชำจนได้รับความเสียหาย ภายในรถพบมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายใน 1 ราย ทราบชื่อต่อมา คือ นายจรัส จันทะสนธิ์ อายุ 31 คนขับ โดยมีอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฯ ในพื้นที่ เข้ามาให้การช่วยเหลือนำออกมาจากภายในรถได้สำเร็จโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเศษ พบมีบาดแผลแตกที่ศีรษะและรอยฟกช้ำตามร่างกาย
โดย ร.ต.ต.เชิดชาย กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่า เป็นพนักงานขับรถของบริษัทสมชัยปักใต้ขนส่งกรุงเทพฯจำกัด ได้ขับรถเดินทางเข้ามารับสินค้าเกี่ยวกับผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มและน้ำยาล้างจาน จากคลังสินค้ายูนิลิเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนักริมถนนเส้นทางสายนี้ เพื่อนำไปส่งยังในพื้นที่ จ.ปัตตานี
แต่เมื่อมาถึงยังที่เกิดเหตุคนขับบอกว่ามองเห็นแผงไม้กั้นทางรถไฟลงมาปิดขวางเส้นทางไว้แล้ว แต่ไม่เห็นว่ามีขบวนรถไฟมา จึงเข้าใจว่าอุปกรณ์แผงกั้นทางข้ามทางรถไฟชำรุดหรือสัญญาณเสียใช้งานไม่ได้ จึงได้ขับรถฝ่าแผงกั้นและสัญญาณไฟเตือนข้ามออกไป จนถูกขบวนรถไฟพุ่งเข้าชนที่ด้านท้ายของตัวรถในที่สุด ร.ต.ต.เชิดชาย กล่าว
ขณะที่ นางรัตนา ซังเต็ง อายุ 51 ปี ชาว ต.คลองเปรง แม่ค้าขายไก่ย่าง ชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ได้ยินเสียงรถไฟบีบแตร (เปิดหวีด) ก่อนเป็นเสียงยาวๆ ในขณะที่ตนมองเห็นว่ามีรถยนต์บรรทุกกำลังขับฝ่าแผงกั้นข้ามขึ้นมาอยู่บนรางรถไฟ จากทางด้านฝั่งถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้าไปยังถนนสาย อ่อนนุช-ลาดกระบัง-ฉะเชิงเทรา แบบที่ต้องมองลุ้นว่าจะพ้นหรือไม่
ซึ่งครั้งแรกตนเองก็ยังคิดว่าน่าจะขับข้ามมาพ้น และรอดจากการถูกขบวนรถไฟที่กำลังมุ่งตรงมา พุ่งชน ตนเองจึงก้มลงมองดูไก่ย่างในเตาที่กำลังย่างเตรียมไว้ขาย แต่สุดท้ายขบวนรถไฟได้พุ่งชนเข้าที่บริเวณด้านท้ายของรถบรรทุกทั้งที่กำลังจะข้ามมาได้หมดทั้งคันแล้ว จนตัวรถหมุนเหวี่ยงสะบัดด้านท้ายปัดเข้ามากระแทกชนกับร้านค้าริมทางจนร้านค้าได้รับความเสียหาย และล้มนอนตะแคงคว่ำลงกับพื้นถนนดังกล่าว
ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เกือบจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากคนขับรถข้ามทางรถไฟไม่หยุดรอให้ขบวนรถไฟผ่านไปก่อน ทั้งที่มีแผงไม้กั้นลงมาขวางทางไว้แล้ว และผู้ใช้เส้นทางมักชอบขับฝ่าแผงกั้นกันเป็นจำนวนมาก โดยสาเหตุที่คนขับฝ่าฝืนแนวแผงกั้นบ่อยนั้น เนื่องจากชุดแผงไม้กั้นแบบอัตโนมัตินี้ชอบเสียบ่อย จนไม่รู้ว่ารถมาจริงๆ หรือไม่มา และเมื่อแผงกั้นลงมาขวางถนนอยู่เป็นเวลานาน โดยที่ไม่มีรถไฟมา จึงทำให้คนใช้รถใช้ถนนพากันขับฝ่าขึ้นไปโดยที่ไม่ได้หยุดเพื่อรอดูขบวนรถไฟก่อนจนทำให้เกือบจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
ส่วนด้านนางนันทยา เอี่ยมพงษ์ อายุ 64 ปี ต.คลองเปรง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ข้าวของในร้านค้าของตนได้รับความเสียหายหลายอย่าง ซึ่งเหตุการณ์ทำนองนี้เกือบจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากผู้ใช้เส้นทางมักจะขับฝ่าฝืนสัญญาณไฟเตือนและแนวแผงกั้นข้ามไป โดยเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อน ได้เคยเกิดอุบัติเหตุขบวนรถไฟพุ่งชนรถบรรทุก 6 ล้อมาก่อนหน้าแล้ว 1 ครั้ง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต นางนันทยา กล่าว
ด้าน นายสิทธิศักดิ์ หวังเกษม อายุ 32 ปี พนักงานควบคุมหัวประแจ สถานีรถไฟเปรง ซึ่งเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วย นายพุทธชาติ โคตุทา นายสถานีรถไฟเปรง เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบนรางรถไฟ กล่าวว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับขบวนรถไฟโดยสารที่ 384 ซึ่งออกมาจากสถานีต้นทางชุมทางฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 05.20 มาถึงสถานีรถไฟเปรงในเวลา 05.40 น. เพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังสถานีปลายทางกรุงเทพฯ โดยได้เคลื่อนขบวนออกจากสถานีเปรงเมื่อเวลา 05.42
ก่อนมาเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่บริเวณ กม.45/8 นั้น เกิดจากรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ขับฝ่าฝืนสัญญาณเตือนและเครื่องกั้นขึ้นมา โดยส่วนที่พุ่งชนเป็นหัวรถจักร จึงไม่ได้รับความเสียหายมากนัก และเครื่องกั้นที่ถูกตัวรถบรรทุกเหวี่ยงกระแทกนั้นได้รับความเสียหายเกิดการโก่งงอคดบิดเบี้ยว ซึ่งเครื่องกั้นแบบอัตโนมัตินี้จะลงมาปิดขวางเส้นทางตั้งแต่ขบวนรถจะเริ่มเข้าสู่สถานี จึงใช้เวลาในการปิดกั้นเป็นเวลานานหลายนาทีจนกว่าขบวนรถจะหยุดเพื่อรับส่งผู้โดยสาร และผ่านเลยไปจนหมดทั้งขบวน นายสิทธิศักดิ์ กล่าว