แผ่นดินไหวเมียนมา ยอดเสียชีวิตพุ่ง 1,700 ราย ท่ามกลางอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่อง

รัฐบาลเมียนมาแถลงว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในภาคกลางของประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 1,700 ราย ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บมีมากกว่า 3,400 คน และยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 300 คน
ส่วนปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยยังดำเนินต่อไป ล่าสุดทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้อีก 4 ราย หลังติดอยู่ใต้ซากอาคารเป็นเวลานานเกือบ 60 ชั่วโมง นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยทั้ง 4 คนได้รับการช่วยเหลือออกมาจากซากอาคารโรงเรียนที่พังถล่มในพื้นที่ทางตอนเหนือของภูมิภาคสะกาย นอกจากนี้ ทีมกู้ภัยยังพบร่างผู้เสียชีวิตอีก 1 รายในบริเวณเดียวกัน
ขณะเดียวกัน เมืองมัณฑะเลย์ยังคงเผชิญอาฟเตอร์ช็อกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเกิดแรงสั่นสะเทือนขนาด 5.1 ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจากผลกระทบของแผ่นดินไหว อาคารโรงพยาบาลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในกรุงเนปิดอว์ได้รับความเสียหาย ทำให้ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยภายในอาคารได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องย้ายวอร์ดผู้ป่วยออกมาดูแลในพื้นที่เปิดโล่งเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน มีการส่งรถบริการทางการแพทย์ขนาดใหญ่ 2 คันไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยหนัก
ทีมกู้ภัยจากรัสเซียเดินทางถึงกรุงเนปิดอว์เมื่อวันอาทิตย์ พร้อมโรงพยาบาลเคลื่อนที่ โดยกระทรวงกิจการฉุกเฉินของรัสเซียระบุว่า ทีมกู้ภัยจะเดินทางไปยังเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งได้รับความเสียหายหนักจากแผ่นดินไหว ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญ 5 คนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจกา) และบุคลากรทางการแพทย์มายังเมียนมาเพื่อประเมินสถานการณ์เบื้องต้น ก่อนพิจารณาส่งทีมบรรเทาทุกข์เพิ่มเติม
ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปีของเมียนมา ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น สนามบิน ทางด่วน และสะพาน ทำให้ปฏิบัติการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นไปอย่างล่าช้า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยจะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวกว่า 1,000 กิโลเมตร แต่แรงสั่นสะเทือนส่งผลให้เกิดเหตุอาคารสูง 33 ชั้น ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพังถล่ม ซึ่งมีคนงานติดอยู่ภายในซากอาคาร
ล่าสุด กองทัพอิสราเอลได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเดินทางถึงกรุงเทพฯ เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไทยในปฏิบัติการกู้ภัย โดยทีมประกอบด้วยวิศวกรและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการพลเรือนจากหน่วยกู้ภัยแห่งชาติของศูนย์บัญชาการแนวหน้าแห่งมาตุภูมิ พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยความร่วมมือระหว่างประเทศ ภารกิจเริ่มต้นด้วยการประเมินสถานการณ์ และให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ไทยในปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย