รีเซต

โควิด-19 : วิกฤตโรคระบาดทำคู่รักนักท่องเที่ยวต้องจอดรถตู้แคมป์ทิ้งไว้ที่อาร์เจนตินา

โควิด-19 : วิกฤตโรคระบาดทำคู่รักนักท่องเที่ยวต้องจอดรถตู้แคมป์ทิ้งไว้ที่อาร์เจนตินา
บีบีซี ไทย
26 พฤษภาคม 2563 ( 10:51 )
125
1
โควิด-19 : วิกฤตโรคระบาดทำคู่รักนักท่องเที่ยวต้องจอดรถตู้แคมป์ทิ้งไว้ที่อาร์เจนตินา

Radka and Ivar

ลองนึกดูว่าคุณจะรู้สึกเป็นอิสระแค่ไหน ขายข้าวของส่วนตัวที่มีทั้งหมด ใช้เงินเก็บซื้อรถตู้สักคันกับแฟน และอีกหลายเดือนหลังจากนั้น หรืออาจจะเป็นปี คุณขับรถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ที่อยากไป

 

คนหลายพันทำความฝันนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ แต่วิกฤตโควิด-19 ก็ทำให้ทุกอย่างพังทลาย อย่างเช่นเรื่องราวของชาวนอร์เวย์สองคนอย่าง รัดกา และ ไอวาร์

ทั้งสองเจอกันเมื่อปี 2016 เขาและเธอทำงานเป็นผู้ดูแลคนพิการคนเดียวกัน รัดกาทำกะดึก และก็ได้เจอกับไอวาร์ที่มารับช่วงต่อตอนเช้า

 

และแล้วฝันที่จะขับรถเที่ยวด้วยกันก็เป็นจริงขึ้นมาช่วงต้นปีที่ผ่านมา พวกเขาซื้อรถตู้โตโยต้าไฮเอซ (Toyota Hiace) และพ่อของรัดกา ก็ช่วยต่อเติมให้เป็นรถตู้แคมป์ มีที่นอนและครัวเล็ก ๆ รวมถึงที่เก็บของในตัวด้วย

 

"ตอนเราอยู่ในรถตู้ มีแก๊สทำอาหารที่อยู่ได้หลายเดือน มีอาหารพอกินหลายสัปดาห์ เราจะไปที่ไหนก็ได้" รัดกา เล่า

ไอวาร์ เป็นครูสอนปีนเขา แล้วก็กำลังเรียนให้ได้ปริญญาด้านพยาบาล แต่ก็ทำงานเสริมทุกอย่างเพื่อเก็บเงิน เช่นเดียวกับรัดกา ที่รับงานทำความสะอาดกะดึกเพื่อเก็บเงินไว้เที่ยว

 

ตอนเริ่มออกเดินทาง พวกเขาขับเอารถไปส่งที่ท่าเรือในเยอรมนี และเรือจะขนรถตู้ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ผ่านคลองปานามา ไปส่งยังชิลี

และหกสัปดาห์ให้หลัง ช่วงต้นเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา พวกเขาก็บินตามไปที่เมืองซานอันโตนิโอ เพื่อรับรถ และเริ่มการเดินทางครั้งใหญ่ พวกเขาวางแผนจะเดินทางลงไปทางตอนใต้สุดของอาร์เจนตินา ก่อนจะขับไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ให้ถึงอลาสกา จะเป็นทริปที่ยาวนานราวปีถึงสองปี

 

พวกเขาประทับใจการเดินเขาในเกาะชิโลเอ (Chiloé) ของชิลี และแถบเดินเขาชื่อดังอย่างเอลชัลเตน (El Chaltén) ในอาร์เจนตินา

 

Radka and Ivar

ถึงตอนนี้เริ่มมีข่าวเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในยุโรปแล้ว แต่เพื่อน ๆ พวกเขาบอกว่าจะไม่เป็นผลต่อการเดินทางในชิลีและอาร์เจนตินา ผู้คนที่นั่นแค่บอกให้ล้างมือบ่อย ๆ แค่นั้น พวกเขาเลยตัดสินใจเดินทางต่อไปยังเมืองอูซัวยา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอาร์เจนตินา

 

เมื่อเดินทางไปถึงวันที่ 15 มี.ค. มาตรการล็อกดาวน์ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาติดอยู่ที่นั่น มีคำสั่งให้คนกักตัวอยู่ในบ้าน 14 วัน พวกเขาตัดสินใจจะนอนรอในรถในช่วงนั้น เนื่องจากมีคำสั่งห้ามตั้งแคมป์ พวกเขาจีงต้องแอบขับรถไปยังป่าที่มีทะเลสาบชื่อ ลากัวนา มาร์การิตา แล้วก็แอบอยู่ที่นั้น

 

"พวกเรากลัวใครจะมาเห็นแล้วรายงานไปยังเจ้าหน้าที่ แต่เราอยู่ในป่าลึกมาก แล้วก็ไม่มีใครมา"

เมื่ออากาศดี พวกเขาฆ่าเวลาด้วยการพายเรือในทะเลสาบ หรือวิ่งออกกำลัง ไอวาร์สอนรัดกาใช้เชือกในการปีนต้นไม้ บางทีลมแรงและอากาศหนาวทำให้พวกเขาต้องเก็บตัวอยู่ในรถ และก็ไม่มีแสงแดดเพียงพอสำหรับเครื่องผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่นาน แก๊สทำอาหารก็หมด และพวกเขาต้องอาบน้ำในทะเลสาบอันเย็นเยือก

 

แต่พวกเขาก็ไม่ได้กังวลเท่าไรนัก คิดว่าแค่ต้องรอให้ผ่านช่วงล็อกดาวน์สองสัปดาห์แล้วพวกเขาก็จะได้กลับไปที่เอลชัลเตนอีกครั้ง

ด้วยความที่น้ำมันใกล้จะหมด พวกเขาต้องขับกลับไปที่เมืองอูซัวยา พอมีสัญญาณโทรศัพท์ถึงเริ่มรู้ว่าวิกฤตโควิด-19 ร้ายแรงแค่ไหน

 

และแล้วพวกเขาก็เจอด่านตำรวจซึ่งถามอย่างละเอียดว่าพวกเขาไปไหนมาและกำลังจะไปไหน และบอกว่าจะขับพาพวกเขาไปส่งที่โรงแรม

ในที่สุด เพื่อนในอาร์เจนตินาของรัดกาก็ช่วยให้พวกเขาได้ที่พักที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งได้ โดยตำรวจขับนำไปถึงที่

 

Radka and Ivar

สองสัปดาห์ผ่านไป พวกเขาต้องกักตัวอยู่ในบ้านเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ออกไปข้างนอกได้เฉพาะไปซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายยา ตอนแรกพวกเขารู้สึกโอเค แต่แล้วก็เริ่มตระหนักแล้วว่าวิกฤตมีท่าทีจะยืดเยื้อไปเรื่อย และพวกเขาก็จะหมดเงินไปเรื่อย ๆ

 

"เหมือนกับการยืนรอที่ป้ายรถเมล์ ไม่รู้ว่าจะได้ไปเมื่อไหร่ และก็ไม่ได้อยู่ในที่ที่คุณอยากอยู่ด้วย"

และแล้วพวกเขาก็ได้ข้อความจากสถานทูตแจ้งว่ามีเที่ยวบินพากลับนอร์เวย์จากกรุงบัวโนสไอเรส

"ฉันรู้สึกล้มเหลวนิดหน่อยที่เริ่มคิดว่าอยากกลับบ้าน มีเพื่อนบางคนที่ตัดสินใจอยู่ต่อ มันเหมือนกับเรายอมแพ้ แต่สถานการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน"

 

พวกเขาต้องทิ้งรถตู้ไว้เบื้องหลัง เป็นอีกครั้งที่เพื่อนชาวอาร์เจนตินาช่วยไว้ได้ เพราะมีกฎเคร่งครัดว่ารถทะเบียนต่างชาติสามารถจอดทิ้งไว้ในประเทศได้นานแค่ไหน

"ผมหวังว่าทุกอย่างจะโอเค" ไอวาร์ เล่า "ตอนยื่นกุญแจให้คนที่จะดูแลรถไว้ให้ผมกังวลมากเพราะเราไม่เคยเจอกัน กลัวว่าจะไม่ได้เจอรถคันนี้อีกเลย"

เมื่อไปถึงสนามบินที่กรุงบัวโนสไอเรส เที่ยวบินพวกเขาก็โดนยกเลิกอีกจนในที่สุดต้องซื้อตั๋วใหม่ที่ราคา 1,300 ยูโร หรือราว 45,000 บาท

 

Radka and Ivar

เมื่อถึงนอร์เวย์ พวกเขาต้องกักตัวเป็นเวลา 10 วัน แต่ก็ยังโชคดีที่สามารถไปพักอยู่ที่กระท่อมของครอบครัวในชนบท

"ถ้าวัดระดับความผิดหวังเต็มสิบ ฉันคิดว่าเราผิดหวังระดับสิบเอ็ด" รัดการ์ กล่าว

 

เธอบอกว่า ถึงแม้ว่าวันหนึ่งจะกลับไปเที่ยวได้อีก ก็ไม่แน่ใจว่านักท่องเที่ยวจะได้รับการต้อนรับแบบเดิมในสถานการณ์แบบชีวิตวิถีใหม่ หรือ "New Normal" หรือเปล่า

"เราอาจจะรู้สึกแย่หากมันเป็นสิ่งที่เราป้องกันได้" ไอวาร์ กล่าว "เราทำทุกอย่างที่สามารถจะทำได้แล้ว แล้วผมก็พอใจเรื่องนั้น ผมรู้สึกว่าโชคดีด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ผมรู้ว่าเราจะได้เดินทางต่อไป"

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง