"โจ ไบเดน" เร่ิมรักษามะเร็งต่อมลูกหมากระยะรุนแรง ด้วยการฉายรังสี

โฆษกของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไบเดนเริ่มเข้ารับการฉายรังสี (radiation therapy) เพื่อรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากระยะรุนแรง ควบคู่กับการรักษาด้วยฮอร์โมน (hormone treatment) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรักษาทางการแพทย์ของเขา แต่ไม่ได้เปิดเผยกำหนดระยะเวลาของการรักษา ซึ่งแหล่งข่าวอย่าง NBC News ระบุว่า เขาได้เริ่มการรักษาไปแล้วเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักงานส่วนตัวของไบเดนเปิดเผยว่า เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง ซึ่งแพร่กระจายไปยังกระดูก โดยไบเดนได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN หลังทราบผลวินิจฉัยสองสัปดาห์ กล่าวด้วยความเชื่อมั่นว่า “คาดหวังว่าจะสามารถเอาชนะมันได้ มันไม่ได้กระจายเข้าไปในอวัยวะใด ๆ กระดูกของผมแข็งแรง มันยังไม่ลุกลามลึก ผมรู้สึกดีมาก” และเสริมว่า ขณะนี้เขาได้เริ่มรับประทานยาชนิดเม็ดเพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของมะเร็งควบคู่ไปด้วย

ดร. จามิน บราห์มภัต ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลฟลอริดา ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรักษาของไบเดน อธิบายว่า มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะในผู้ชายสูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีเซลล์มะเร็งขนาดเล็กในต่อมลูกหมากอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัว โดยมะเร็งต่อมลูกหมากจะถูกจัดระดับความรุนแรงด้วยระบบที่เรียกว่า “คะแนนกลีสัน” (Gleason Score) ซึ่งอิงจากลักษณะของเซลล์มะเร็งที่เห็นผ่านกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งสำนักงานของไบเดนเปิดเผยในเดือนพฤษภาคมว่า เขามีคะแนนกลีสันระดับ 9 ซึ่งถือเป็น “ระดับที่รุนแรงที่สุด”

ดร. เบนจามิน เดวีส์ ศาสตราจารย์ด้านมะเร็งวิทยาทางเดินปัสสาวะจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีของไบเดน กล่าวว่า คะแนนระดับ 9 หมายถึงมะเร็งชนิดที่รุนแรงและเติบโตเร็วมาก

นอกจากคะแนนกลีสันแล้ว แพทย์ยังใช้ปัจจัยอื่นประกอบการประเมิน เช่น ระดับค่า PSA ในเลือด (prostate-specific antigen) ผลภาพถ่ายทางรังสี และผลชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย

แม้ว่ามะเร็งของไบเดนจะลุกลามไปยังกระดูก ซึ่งตามคำอธิบายของ ดร. เดวีส์ ถือว่าเป็น “ภาวะรุนแรงและไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้” แต่เขายังชี้ให้เห็นว่ายังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เพราะการรักษาสมัยใหม่ โดยเฉพาะยากลุ่มฮอร์โมนและเคมีบำบัดรุ่นใหม่ ได้แสดงผลลัพธ์ที่ดีมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สามารถยืดอายุผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” หากได้รับการรักษาที่เหมาะสมและต่อเนื่อง ผู้ป่วยก็จะใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างมีคุณภาพ

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ไบเดนยังเข้ารับการผ่าตัดแบบ Mohs surgery ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ตัดเนื้องอกมะเร็งผิวหนังออกทีละชั้น โดยแพทย์จะตรวจชิ้นเนื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์ทุกครั้งจนมั่นใจว่าไม่มีเซลล์มะเร็งเหลืออยู่ โดยการผ่าตัดลักษณะนี้นิยมใช้รักษามะเร็งผิวหนังที่กลับมาอีกครั้ง เติบโตเร็ว หรือเกิดในบริเวณสำคัญ เช่น ใบหน้า มือ หรืออวัยวะเพศ

ก่อนหน้านี้ในปี 2023 ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ไบเดนเคยเข้ารับการตัดเนื้องอกเล็ก ๆ บริเวณหน้าอก ซึ่งต่อมาพบว่าเป็น มะเร็งผิวหนังชนิด Basal cell carcinoma คือ มะเร็งผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ฐาน (Basal cell) ในชั้นหนังกำพร้า ซึ่งมักมีสาเหตุจากการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดเป็นเวลานาน 

ดร. เควิน โอคอนเนอร์ แพทย์ประจำตัวของเขาในทำเนียบขาว กล่าวในขณะนั้นว่า สามารถกำจัดเนื้อเยื่อมะเร็งได้หมดเรียบร้อยแล้ว และไบเดนจะยังคงเข้ารับการตรวจติดตามทางผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ