รีเซต

เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (31 มี.ค.2565)

เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (31 มี.ค.2565)
TeaC
31 มีนาคม 2565 ( 15:06 )
374
เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (31 มี.ค.2565)

ข่าววันนี้ สถานการณ์วิกฤต "รัสเซียยูเครน"เจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน กลับไประบบออนไลน์ รัสเซียชี้ ผู้นำไม่พบกันจนกว่าร่างสนธิสัญญาเสร็จ อ่าน : เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (30 มี.ค.2565)


เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (31 มี.ค.2565)

 

เจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน กลับไประบบออนไลน์ รัสเซียชี้ ผู้นำไม่พบกันจนกว่าร่างสนธิสัญญาเสร็จ

รัสเซียปฏิเสธข้อเสนอยูเครนให้ 2 ผู้นำรัสเซีย-ยูเครนพบเจรจากัน ระบุเหตุผลว่า ยังมีงานต้องทำอีกมากในการร่างสนธิสัญญาสันติภาพ ส่วนการเจรจาสันติภาพจะกลับไปเจรจาทางออนไลน์อีกครั้งเริ่มวันศุกร์นี้ (1 เมษายน)

 

เดวิด อารัคฮาเมีย ผู้แทนเจรจาสันติภาพของยูเครน เปิดเผยว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซีย จะกลับไปเจรจาผ่านทางออนไลน์อีกครั้ง เริ่มวันศุกร์นี้ (1 เมษายน) และทางยูเครนได้เสนอต่อทางรัสเซียไปแล้วว่า ขอให้ผู้นำรัสเซียกับยูเครนมาพบเจรจากัน แต่ทางรัสเซียปฏิเสธ ระบุเหตุผลว่า ยังมีงานสำคัญที่จะต้องทำอีกมากเกี่ยวกับการร่างสนธิสัญญาสันติภาพ

 

อารัคฮาเมียของยูเครนระบุต่อไปว่า การเจรจาในวันอังคาร (29 มีนาคม) นั้น มีสัญญาณบวก และมีความก้าวหน้ามากพอ ที่จะเอื้อให้เกิดการพบกันในอนาคตระหว่างประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กับ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย 
ด้านประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครน กล่าวเมื่อวานนี้ (30 มีนาคม) ว่า การเจรจาสันติภาพกับรัสเซียกำลังดำเนินต่อไป แต่ยังไม่มีผลที่ชัดเจนออกมา เพราะยังเป็นเพียงแค่คำพูด และรัสเซียยังไม่ได้ถอนทหารออกห่างจากกรุงเคียฟและเชอร์นิฮิฟตามที่ประกาศ แต่เป็นเพียงการล่าถอย

 

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายรัสเซียกลับระบุว่า ไม่มีความคืบหน้าที่สำคัญใด ๆ ในการเจรจาเมื่อวันอังคาร (29 มีนาคม) ที่ผ่านมา

 

โดยการเจรจาดังกล่าว เป็นการเจรจาแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรก หลังเจรจาผ่านทางออนไลน์มานานกว่า 2 สัปดาห์ เดิมการเจรจาแบบพบหน้าครั้งแรกดังกล่าว กำหนดเวลาไว้ 2 วัน คือ วันที่ 29-30 มีนาคม แต่การเจรจากลับยุติลงเพียงวันแรก โดยใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง แต่มีความคืบหน้าสำคัญ คือ รัสเซียประกาศจะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟของยูเครน
 

ข้อมูล : TNN World

 

ยูเครนเสี่ยงเกิดวิกฤตอาหารโลก รุนแรงสุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 หวั่นเข้าสู่ภาวะข้าวยากหมากแพง

เดวิด บีสลีย์ ผู้อำนวยการบริหารของโครงการอาหารโลก (World Food Program) สหประชาชาติ เตือนว่า วิกฤตในยูเครน กำลังเป็นภัยคุกคามส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความพยายามของโครงการอาหารโลก ในการช่วยเหลือประชาชนประมาณ 125 ล้านคนทั่วโลก และอาจทำให้เกิดวิกฤตอาหารโลกครั้งร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง

 

บีสลีย์กล่าวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันอังคาร (29 มีนาคม) ว่า ธัญพืช 50% ที่โครงการอาหารโลกซื้อเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน 125 ล้านคนทั่วโลกมาจากยูเครน และทางองค์กรอาจต้องเริ่มลดอาหารที่แจกจ่ายในประเทศที่มีสงคราม เช่น เยเมน ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางโครงการอาหารโลกได้ลดการแจกจ่ายอาหารลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว เนื่องจากค่าใช้จ่ายอาหาร เชื้อเพลิง และการขนส่งที่สูงขึ้น

 

บีสลีย์กล่าวต่อว่า ยูเครนและรัสเซียผลิตข้าวสาลีคิดรวมกันเป็น 30% ของปริมาณข้าวสาลีทั่วโลก ผลิตข้าวโพดรวมกัน 20% ของปริมาณทั่วโลก และผลิตน้ำมันเมล็ดทานตะวันรวมกันราว 75-90% จากปริมาณทั่วโลก โดยอียิปต์และเลบานอนนำเข้าธัญพืชกว่า 80% จากยูเครน

 

เขาระบุด้วยว่า วิกฤตครั้งนี้ทำให้เกษตรกรยูเครนต้องออกไปสู้รบแทนที่จะได้ดูแลพืชผลในช่วงฤดูเพาะปลูก เกษตรกรยูเครนยังเผชิญภาวะขาดแคลนปุ๋ยจากเบลารุสและรัสเซีย ซึ่งอาจทำให้ยูเครนมีผลเก็บเกี่ยวน้อยลง 50% 
หากวิกฤตการณ์ยังดำเนินต่อไป จะทำให้เกิด “หายนะซ้อนหายนะ” และจะนำไปสู่ภาวะข้าวยากหมากแพง ประเทศต่าง ๆ ขาดเสถียรภาพ และการอพยพครั้งใหญ่ โดยเขากล่าวว่า สิ่งสุดท้ายที่ทางองค์กรไม่ต้องการจะทำ คือ “การนำอาหารมาจากเด็กที่หิวโหยเพื่อนำไปให้เด็กที่ขาดอาหาร”

 

ส่วนเวนดี เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เป็นต้นเหตุของสถานการณ์ในครั้งนี้ โดยกองกำลังรัสเซียระเบิดเรือขนส่งสินค้าอย่างน้อยสามลำจากท่าเรือในทะเลดำ พร้อมทั้งกล่าวหากองทัพเรือรัสเซียว่า ปิดกั้นการเข้าถึงท่าเรือยูเครนเพื่อไม่ให้ยูเครนส่งออกธัญพืชได้

 

ด้านวาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ระบุว่า ราคาอาหารที่สูงขึ้นเป็นผลจากมาตรการลงโทษต่อรัสเซียโดยสหรัฐฯ และชาติตะวันตก โดยเขาระบุว่า กองทัพเรือรัสเซียได้จัดทำระเบียงเพื่อมนุษยธรรมซึ่งอนุญาตให้เรือแล่นออกจากท่าเรือยูเครนได้แล้ว

 

ข้อมูล : TNN World

 

สหรัฐฯ ชี้ รัวเซียถอนทหาร 20% ออกจากยูเครนไปเบลารุส

สหรัฐฯ ยืนยันรัสเซียถอนทหารเกือบ 20% ออกจากยูเครนไปเบลารุสแล้ว มารีอูโปลกลายเป็นเหมือนหลุมศพขนาดใหญ่ แต่ทหารรัสเซียยังโจมตีครั้งใหม่ในยูเครน ส่วนทหารยูเครนยึดคืนเมืองและหมู่บ้านจากรัสเซียได้หลายเมือง แต่สภาพบ้านเมืองพังเสียหายอย่างหนัก

 

สถานการณ์ล่าสุดในยูเครน จอห์น เคอร์บี โฆษกเพนตากอน หรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวานนี้ (30 มีนาคม) ตามเวลาท้องถิ่น ว่า รัสเซียเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังพลเกือบ 20% ที่อยู่รอบกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน ไปยังเบลารุสแล้ว
โดยการถอนทหารรัสเซียเกิดขึ้น 1 วันหลังการเจรจาสันติภาพวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ที่รัสเซียประกาศลดปฏิบัติการทหารรอบกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ

 

อย่างไรก็ตาม โฆษกเพนตากอนเตือนว่า รัสเซียจะนำทหารรัสเซียกลับไปฟิตร่างกายให้แข็งแกร่งและจะส่งกลับเข้าไปใหม่ และจะไม่นำทหารรัสเซียกลับบ้าน ถ้าหากรัสเซียจริงใจที่จะลดความตึงเครียดจริงอย่างที่กล่าวอ้าง ก็ควรส่งทหารรัสเซียกลับบ้าน แต่รัสเซียกลับไม่ทำเช่นนั้น

 

โฆษกเพนตากอนระบุด้วยว่า รัสเซียยังส่งทหารรับจ้างกลุ่มแวกเนอร์ 1,000 คนไปยังภูมิภาคดอนบาส และสหรัฐฯ คาดว่า กลุ่มแวกเนอร์กำลังรับสมัครทหารรับจ้างอยู่ในประเทศอย่างซีเรีย ลิเบียและประเทศทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา

 

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ทางทหารหลายคน ระบุว่า สาเหตุที่รัสเซียประกาศปรับเป้าหมายปฏิบัติการในยูเครนเมื่อช่วงครบ 1 เดือนปฏิบัติการในยูเครนที่ผ่านมา เพื่อให้ง่ายกว่าเดิมที่จะทำได้สำเร็จ เพื่อให้สามารถอ้างชัยชนะและรักษาหน้าตาของตัวเอง ในปฏิบัติการที่นักวิเคราะห์ระบุว่า กองทัพรัสเซียพบกับความเพลี่ยงพล้ำหลายครั้ง

 

ขณะเดียวกัน ทหารรัสเซียยังโจมตีครั้งใหม่ในยูเครน หลังประกาศจะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟและเชอร์นิฮิฟ โดยผู้ว่าการเชอร์นิฮิฟระบุว่า ทหารรัสเซียไม่หยุดการโจมตี ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนระบุว่า ทหารรัสเซียยิงโจมตีแทบทุกเมืองที่อยู่ด่านหน้าในภูมิภาคโดเนตสก์

 

ส่วนภาพล่าสุดของเมืองมารีอูโปล และหลายเมืองยูเครนที่ทหารยูเครนเพิ่งยึดกลับคืนมาจากทหารรัสเซียในสัปดาห์นี้ ทาง Reuters ระบุว่า เมืองท่ามารีอูโปล เมืองยุทธศาสตร์สำคัญทางใต้ของยูเครน กลายเป็นเหมือนหลุมศพขนาดใหญ่ หลังมีการฝังศพผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

 

ก่อนหน้านี้ สำนักนายกเทศมนตรีมารีอูโปลระบุ มีผู้เสียชีวิตเกือบ 5,000 คนในเมืองนี้ แต่ Reuters ไม่สามารถยืนยันตัวเลขนี้ได้ และมีรายงานทหารรัสเซียบุกเกือบถึงใจกลางเมืองแล้ว หลังยิงโจมตีและล้อมเมืองนี้มานานประมาณ 5 สัปดาห์แล้ว

 

ทหารยูเครนได้เข้าสำรวจทั่วหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทางเหนือของกรุงเคียฟเมื่อวานนี้ (30 มีนาคม) หลังเพิ่งยึดกลับคืนมาจากทหารัสเซีย พบร่างทหารเสียชีวิตหลายนายอยู่บนพื้นถนน คาดว่าเป็นทหารรัสเซีย สภาพหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านร้างแล้ว ไม่มีคนอาศัย อาคารบ้านเรือนพังเสียหายทั่ว

 

ที่เมืองเออร์ปินเมื่อวานนี้ (30 มีนาคม) เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินยูเครนกู้ร่างผู้เสียชีวิตจากใต้ซากปรักหักพังในเมืองนี้ ท่ามกลางเสียงระเบิดจากการโจมตีที่ยังคงดังไม่หยุดบริเวณชานเมืองนี้ ยูเครนยึดเมืองนี้คืนจากรัสเซียได้แล้ว หลังถูกรัสเซียโจมตีมานานหลายสัปดาห์ ซึ่งเหมือนเมืองด่านหน้าก่อนถึงกรุงเคียฟ

 

ส่วนที่เมืองทรอสเทียเน็ตส์ อีกเมืองที่ยูเครนยึดกลับคืนมาได้ สภาพเมืองเสียหายหนัก อาคารบ้านเรือนมีร่องรอยเสียหายจากไฟไหม้ อาคารที่ได้รับความเสียหายรวมถึงโรงพยาบาลประจำเมืองด้วย

 

ในสัปดาห์นี้ ทหารยูเครนได้ยึดคืนเมืองและหมู่บ้านหลายแห่งรอบ ๆ ชานกรุงเคียฟ กลับมาจากทหารรัสเซียได้ และสามารถแหวกวงล้อมของทหารรัสเซียที่ล้อมเมืองซูมี ทางตะวันออกของยูเครนได้ รวมถึงผลักดันทหารรัสเซียถอยร่นในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครน

 

ข้อมูล : TNN World

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

 

กดเลย >> community แห่งความบันเทิง

ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง