13 เมษายน วันผู้สูงอายุแห่งชาติ เปิดสิทธิประโยชน์บัตรทองดูแลครบวงจร
วันนี้ (13 เม.ย.65) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า วันที่ 13 เมษายน ของทุกๆ ปี นอกจากเป็นวันสงกรานต์แล้ว คณะรัฐมนตรียังมีมติกำหนดให้เป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” เพื่อให้ทุกคนเห็นถึงคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ ทั้งนี้ด้วยร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยย่อมส่งผลต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ ที่ผ่านมา สปสช.ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลประชาชนให้เข้าถึงการรักษาและบริการสาธารณสุขที่จำเป็นในทุกกลุ่มวัยภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง จึงให้ความสำคัญต่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ดี
นอกจากสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุสิทธิบัตรทองที่ครอบคลุมโรคต่างๆ แล้ว สปสช. ยังให้ความสำคัญต่อการส่งสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ที่ให้กับผู้สูงอายุทุกสิทธิ ได้แก่
บริการฉีดวัคซีนคอตีบและบาดทะยัก วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (ผ้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังหรืออายุ 65 ปีขึ้นไป) การตรวจและวัดดัชนีมวลกาย การวัดความดันโลหิต การตรวจเลือดคัดกรองเบาหวาน การติดเชื้อเอชไอวี การคัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การคัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และการคัดกรองโรคซึมเศร้า
ทั้งนี้ ยังมีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ การคัดกรองรอยโรคเสี่ยงมะเร็งหรือมะเร็งช่องปาก การเคลือบฟลูออไรด์กลุ่มเสี่ยง การให้ความรู้ในเรื่องการออกกำลังกาย การให้ความรู้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง การฝึกสมองป้องกันโรคสมองเสื่อมซึ่งมักเป็นภาวะที่พบในผู้สูงอายุ การตรวจประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน (ADL) การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังการสัมผัส และการให้คำปรึกษาแนะนำด้านสุขภาพต่างๆ
การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์เป็นอีกหนึ่งบริการที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ และเป็นสิทธิประโยชน์บริการที่ สปสช. ดูแลผู้สูงอายุเพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต ปีงบประมาณ 2564 มีผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูฯ จำนวน 397,248 คน รับบริการ 1,235,527 ครั้ง
ในเรื่องของบริการทันตกรรมหรือฟัน ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปมักจะมีปัญหาไม่มีฟันบดเคี้ยวเนื่องจากเป็นไปตามวัย สปสช. ยังได้จัดสิทธิประโยชน์บริการฟันเทียมให้ผู้สูงอายุสิทธิบัตรทอง ทั้งกรณีใส่ฟันเทียมทั้งปากและการใส่ฟันเทียมบางส่วนที่ถอดได้ ล่าสุดได้เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับการฝังรากฟันเทียมด้วย ทั้งนี้เพื่อผู้สูงอายุไม่มีฟันได้รับการใส่ฟันเทียม เป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิต ช่วยให้มีฟันบดเคี้ยวอาหาร ได้รับโภชนาการที่ดี ช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดีขึ้น
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ในการดูแลผู้สูงอายุเพื่อให้เกิดการดูแลได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงมากที่สุด โดยเฉพาะปัจจุบันที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้มีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นในทุกพื้นที่ ที่ผ่านมาภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กปท.) และกองทุนหลักประกันสุขภาพกรุงเทพมหานคร จำนวน 7,741 แห่ง
มีการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการโรงเรียนผู้สูงอายุ โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และโครงการพาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด ที่จัดตั้งแล้ว 52 แห่ง ที่ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่มีผู้สูงอายุเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายการดูแลเช่นกัน
ส่วนผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงนั้น จากงบประมาณเพิ่มเติมที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาล สปสช.ได้จัดบริการสาธารณสุขในผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง มีผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียงเป็นหนึ่งในเป้าหมายบริการ โดย สปสช. สนับสนุนค่าดูแลเหมาจ่ายผ่าน กปท. ซึ่งปีงบประมาณ 2564 มี อปท.เข้าร่วมดำเนินการ 6,648 แห่ง ทั้งนี้การดูแลไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทองเท่านั้น แต่รวมถึงสิทธิอื่นๆ ทั้งประกันสังคม ข้าราชการ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ เป็นภาพรวมสิทธิประโยชน์กองทุนบัตรทองและการดำเนินงานของ สปสช. ที่ได้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุ โดยดำเนินการในทุกๆ ด้าน จับมือร่วมกับหน่วยงาน องค์กร และเครือข่ายภาคีต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข และ อปท. เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับบริการสุขภาพที่จำเป็นได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง สู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมการใช้สิทธิบัตรทอง สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand
ข้อมูลจาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ภาพจาก TNN ONLINE (แฟ้มภาพ)