วิเคราะห์กำไรสุทธิแบงก์ไตรมาส1/64 ฟื้นตัวกลับมาแล้ว

ข่าววันนี้ รวมผลประกอบการกลุ่มแบงก์ประจำไตรมาส1/64 ทั้ง 10 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมประมาณ 46,629 ล้านบาท หากเทียบกับไตรมาส4/63 กำไรกลับมาฟื้นตัว แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรธนาคารยังติดลบอยู่เล็กน้อย

บล. คันทรี่ กรุ๊ป  วิเคราะห์ผลประกอบการ 8 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ( ไม่รวม CIMBT และ LHFG ) มีกำไรสุทธิรวมกันที่ 45,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่ผ่านมา และ เพิ่มขึ้น 45% หากเทียบกับไตรมาส4/63 โดย SCB และ TISCO กำไรเติบโตทั้ง QoQ และ YoY มีเฉพาะ KBANK ที่กำไรลดลง QoQ 

การเติบโตของกำไร QoQ เป็นผลจาก (1) การตั้งสำรองที่ลดลง(มีเพียง KBANK กับ TISCO ที่สำรองเพิ่มขึ้น) (2) ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ลดลง (มีเพียง KKP ที่เพิ่มขึ้น) (3)รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น (BBL KBANK KKP TISCO TMB) และ (4) Unrealized gain จากพอร์ตการลงทุนเพิ่มขึ้น (BAY KTB SCB TISCO TMB)

KBANK มีกำไรเติบโตอย่ำงมีคุณภาพมากสุด

ภาพรวมกลุ่มธนาคาร ธุรกิจหลักด้านการปล่อยสินเชื่อยังคงไม่ดีนัก ส่งผลให้รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิทรงตัว QoQ มีเพียง BBL BAY และ KBANK ที่เห็นการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาสนี้โดย KBANK มีการเติบโตสูงสุดเทียบกับกลุ่มอยู่ที่ 5.8% ตามยอดสินเชื่อที่โตสูงสุดในกลุ่มที่ 2.6%YTD

กลยุทธ์การลงทุน

กำไรสุทธิไตรมาสนี้ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ราว 30-40% เป็นปัจจัยด้านภาวะตลาด (ค่าธรรมเนียมและพอร์ตการลงทุนที่ดีขึ้้น) และการควบคุมต้นทุนเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด ขณะธุรกิจหลักด้านการปล่อยสินเชื่อ ยังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน รวมถึงยังมีความเสี่ยงจากการระบาดโควิดรอบใหม่ที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ภาวะเศรษฐกิจ และจะส่งผลกระทบมายังการเติบโตของสินเชื่อและคุณภาพของสินเชื่อในโอกาสต่อไป

ปัจจุบันกลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.7x Trailing PBV มีส่วนลดราว 20% จากระดับก่อนเกิดโควิทที่ 0.9x การปรับขึ้นไปซื้อขายที่ระดับก่อนโควิดในระยะสั้นยังเป็นเรื่องท้าทาย หากมีการเข้ามาไล่ราคาหุ้นกลุ่มนี ้ตามผลประกอบการที่สูงกว่าคาด มองเป็นโอกาสขายทำกำไรกำไร และเลือกทยอยสะสม KBANK (BUY,TP:169บาท จากการเติบโตของธุรกิจหลักที่ชัดเจนดีกว่ากลุ่ม