FTIล็อกเป้าขายโต 20% ขยายตลาดสู่ครัวเรือน
FTI วางเป้ายอดขายปี2566 โตไม่ต่ำกว่า 20% เเละคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ29% ลุยขยายสาขาร้าน Aquatek ครบ 50 แห่งภายในปี 2567 และ Water Store ครบ 24 สาขาในปี 2566 เน้นขยายสินค้าเครื่องกรองน้ำสำหรับครัวเรือนมากขึ้น เเละเตรียมออกสินค้าใหม่ 2-3 ผลิตภัณฑ์ ในช่วงไตรมาส 2/2566 เตรียม jv พันธ์มิตรจีนร่วมผลิตสินค้า
ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI ประกอบธุรกิจนำเข้า ประกอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำ (Water Treatment) ครบวงจร เปิดเผยว่าในปี2566บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 2565 ที่มีรายได้จำนวน 696.76 ล้านบาท เละตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ที่ระดับ 29% และกำไรสุทธิ (Net Profit ) จะไม่ต่ำกว่าปี 2565 ที่ผ่านมา
สำหรับปัจจัยที่ช่วยผลักดันการเติบโต หลักๆมาจากการเดินหน้าขยายตัวแทนจำหน่ายทั้งขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศผ่านร้าน Aquatek ล่าสุดบริษัทมีสาขา 5 สาขา เเละมีแผนจะขยายสาขาให้ครบ 20 สาขา ในปี 2566 นี้ เเละยังมีแผนขยายสาขาให้ครบ 50 สาขา ภายในปี 2567 ขณะที่สาขา Water Store ได้เดินหน้าขยายสาขาเเล้วทั้งหมด 21 สาขา นอกจากนี้มีแผนจะขยายสาขา 3 สาขาในครบ 24 สาขา ในปี2566โดยมองหาโลเคชั่นทั้งในประเทศไทย ลาว เมียนมา และกัมพูชา
ขยายสินค้าครัวเรือน
โดยปี2566 บริษัทได้มุ่งขยายสินค้าใหม่ทางด้านเครื่องกรองน้ำสำหรับครัวเรือนจากแผนการเพิ่มสินค้า Premium นอกจากนี้บริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่อีก 2-3 ผลิตภัณฑ์ ในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 นี้ปัจจุบันบริษัทสามารเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาที่ระดับ 90-95% เเละคุมต้นทุนการผลิตได้เป็นอย่างดี สามารถแข่งขันได้
“ที่ผ่านมาการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากบริษัทเน้นการขายส่ง บริษัทจึงมีแผนที่จะมาขยายเข้าสู่ตลาด ครัวเรือนมากขึ้นโดยมองว่ายังมีมาเก็ตแชร์ที่น้อยอยู่ โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อสินค้าผ่านร้าน Aquatekที่บริษัทมีแผนขยายเพิ่มขึ้นในปีนี้” ดร.วิกร กล่าว
ด้านกลยุทธ์การขยายบริษัทจะเร่งขยายการขายทั้งออนไลน์แและออฟไลน์ โดยจะช่วยให้ตัวเทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทสามารถกระจายสินค้าไปได้ครอบคลุมมากขึ้น
เตรียม jv พันธ์มิตรจีน
ก่อนเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทเคยเจรจาเพื่อทำกิจการร่วมค้า (Joint Venture) กับพันธ์มิตรทางธุรกิจในประเทศจีน โดยในช่วงเกิดสถานการร์โควิด-19ที่ผ่านมาก็ประสบปัญหาทางด้านการติดต่อ ทำให้เกิดความล่าช้าออกไป เเต่ในปี 2566 จะเริ่มกลับมาเจรจากัน เพื่อร่วมผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงกลางปี 2566 นี้ โดยชิ้นส่วนที่จะผลิตออกมา จะช่วยลดความเสี่ยงของบริษัทในด้านอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงค่าขนส่งต่างๆ ที่จะลดลงไป