รีเซต

กรณีศึกษา 'ไฟป่า' เชียงใหม่ กับการจัดสรรงบประมาณ 700 ล้าน

กรณีศึกษา 'ไฟป่า' เชียงใหม่ กับการจัดสรรงบประมาณ 700 ล้าน
TNN ช่อง16
16 เมษายน 2567 ( 14:28 )
67



งบประมาณการจัดการไฟป่าของประเทศไทย กรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่


ปัญหาไฟป่าเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่าในปี 2566 จังหวัดที่ประสบปัญหาไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์มากที่สุดคือจังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ถูกไฟไหม้ถึง 43,265 ไร่


งบดับไฟป่าปี 66 ท่วมเชียงใหม่กว่า 91 ล้านบาท


ข้อมูลจาก Rocketmedialab  ระบุว่า ในปี 2566 เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่เกิดไฟป่ามากที่สุดในประเทศ คิดเป็น 43,265.91 ไร่ และเป็นอันดับหนึ่งของประเทศมาตั้งแต่ปี 2556 ก่อนหน้านั้นตั้งแต่ปี 2541 มี 4 จังหวัดที่ผลัดกันเป็นแชมป์พื้นที่ไฟป่ามากที่สุด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยภูมิ เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช


จากเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในเชียงใหม่ จนต้องประกาศเขตภัยพิบัติใน 317 หมู่บ้าน 5 อำเภอ พร้อมกับจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้นในเมียนมา ทำให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก จึงน่าสนใจว่าภาครัฐได้จัดสรรงบประมาณเพื่อจัดการไฟป่าในพื้นที่นี้อย่างไรบ้าง


จากข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่ามีการใช้งบประมาณในการจัดการไฟป่าทั้งประเทศรวมกัน 704,193,600 บาท โดยแบ่งเป็น 


- กรมอุทยานแห่งชาติฯ ใช้งบ 479,526,800 บาทในการทำแนวกันไฟใน 64 จังหวัด

- กรมป่าไม้ ใช้งบ 220,519,500 บาทในการดับไฟป่าใน 59 จังหวัด  

- สำนักปลัดกระทรวงฯ ใช้งบ 4,147,300 บาทในกิจกรรมป้องกันไฟป่าใน 22 จังหวัด


ส่วนงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาทิ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล พบว่าเชียงใหม่ได้รับจัดสรรงบประมาณมากที่สุดถึง 13,936,800 บาท รองลงมาคืออุบลราชธานี เชียงราย ลำปาง และเลย ตามลำดับ


หากนำงบประมาณทั้งหมดทั้งจากกระทรวงฯ และท้องถิ่นมารวมกัน จะพบว่าเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ได้รับงบดับไฟป่าสูงสุด 91,043,020 บาท รองลงมาคือกระบี่ ลำปาง เชียงราย และแม่ฮ่องสอน


แม้เชียงใหม่จะได้รับงบประมาณดับไฟป่ามหาศาลเช่นนี้ แต่สถานการณ์ไฟป่าในจังหวัดแห่งนี้ก็ยังคงรุนแรง สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงไฟป่าที่ต้องเผชิญทั้งปัจจัยทางธรรมชาติและมนุษย์ จำเป็นต้องมีการทบทวนมาตรการและกลไกการใช้งบประมาณอย่างรอบด้านต่อไป


สถิติไฟไหม้ป่าปี 2566 : เชียงใหม่ครองแชมป์พื้นที่ป่าไฟไหม้มากที่สุด


ข้อมูลจาก Rocketmedialab ได้เผยแพร่ ข้อมูลของส่วนควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พบว่า จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ป่าในเขตอนุรักษ์ที่ถูกไฟไหม้มากที่สุดในปี 2566 (ข้อมูล ณ พฤษภาคม 2566)  คิดเป็นจำนวน 43,265.91 ไร่ ตามมาด้วยจังหวัดตาก 12,123 ไร่ ลำปาง 12,065 ไร่ กำแพงเพชร 10,580 ไร่ และนครศรีธรรมราช 10,346.81 ไร่


เชียงใหม่ครองอันดับ 1 ไฟป่าป่าอนุรักษ์ 4 ปีซ้อน


ทั้งนี้ เชียงใหม่ยังครองอันดับพื้นที่ป่าไฟไหม้มากที่สุดในปี 2565 อีกด้วย  และ เป็นอันดับ 1 ติดต่อกันมาตั้งแต่ปี 2556  โดยก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ปี 2541 มี 4 จังหวัดผลัดกันเป็นอันดับหนึ่ง คือ อุทัยธานี ชัยภูมิ เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช  โดยสถิติสูงสุดอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี ในปี 2541 จำนวน 75,788 ไร่


หนองคาย สัดส่วนพื้นที่ไฟไหม้ต่อพื้นที่ป่าอนุรักษ์มากที่สุด


หากพิจารณา สัดส่วนพื้นที่ไฟไหม้ต่อพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พบว่า จังหวัดที่มีสัดส่วนสูงที่สุดคือ หนองคาย คิดเป็น 7.062% รองลงมาคือ ยโสธร 1.164% ลำพูน 1.160% อุดรธานี 1.144% และกำแพงเพชร 1.109%  เชียงใหม่ อยู่ที่อันดับ 9 คิดเป็น 0.857%


ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ  โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่เผชิญปัญหานี้ซ้ำซาก  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งหาแนวทางป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจัง


ข้อมูลจาก Rocketmedialab ระบุ สาเหตุหลักของปัญหามาจากการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร การบุกรุกพื้นที่ป่า รวมถึงลักลอบตั้งรกรากและเผาป่าเพื่อยึดครองพื้นที่ การแก้ไขปัญหาเรื้อรังนี้จึงมีส่วนสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลกชั่วระยะหนึ่งในปี 2566


การจัดสรรงบประมาณเพื่อการจัดการไฟป่าในประเทศไทยมีทั้งในระดับกระทรวงและระดับท้องถิ่น โดยในปี 2566 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการจัดสรรงบประมาณประมาณ 704 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นงบทำแนวกันไฟในพื้นที่ 64 จังหวัด จำนวน 479 ล้านบาท งบดับไฟป่าใน 59 จังหวัด 220 ล้านบาท และงบกิจกรรมป้องกันไฟป่าใน 22 จังหวัด 4 ล้านบาท ขณะที่งบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีจังหวัดเชียงใหม่ใช้งบมากที่สุด 13.9 ล้านบาท


เมื่อนำรวมงบประมาณทั้งจากกระทรวงทรัพยากรฯ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พบว่าจังหวัดที่ใช้งบจัดการไฟป่ามากที่สุดคือเชียงใหม่ ประมาณ 91 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ กระบี่ ลำปาง เชียงราย และแม่ฮ่องสอน



งบประมาณจัดการไฟป่าปี 2566 : แหล่งที่มา รายละเอียด และการกระจายไปยังแต่ละจังหวัด


ไฟป่า ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย การจัดสรรงบประมาณเพื่อการจัดการไฟป่าในปี 2566 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้มุ่งวิเคราะห์การกระจายงบประมาณ ดึงประเด็นสำคัญ และเสนอแง่มุมที่ควรติดตามต่อไป



งบประมาณภาพรวม:


รวม: 753,375,120 บาท

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม: 704,193,600 บาท

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: 49,181,520 บาท


การกระจายงบประมาณ:


กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม:

➤กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช: 479.5 ล้านบาท (ทำแนวกันไฟ 64 จังหวัด)

➤จังหวัดเชียงใหม่: 64.2 ล้านบาท (สูงสุด)

➤กรมป่าไม้: 220.5 ล้านบาท (ดับไฟป่า 59 จังหวัด)

➤จังหวัดกระบี่: 39.5 ล้านบาท (สูงสุด)

➤สำนักปลัดกระทรวงฯ: 4.1 ล้านบาท (กิจกรรมป้องกันไฟป่า 22 จังหวัด)

➤จังหวัดแม่ฮ่องสอน: สูงสุด

➤องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น:

➤อบจ.: 8 แห่งมีโครงการป้องกันไฟป่าโดยตรง

➤จังหวัดเชียงใหม่: 10.9 ล้านบาท (สูงสุด)

➤อบต./เทศบาล: งบสนับสนุนจาก กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

➤จังหวัดเชียงใหม่: 3.1 ล้านบาท (สูงสุด)


จังหวัดที่ได้รับงบประมาณสูงสุด:


➤เชียงใหม่: 80.2 ล้านบาท

➤กระบี่: 41.6 ล้านบาท

➤ลำปาง: 38.6 ล้านบาท

➤เชียงราย: 38.6 ล้านบาท

➤แม่ฮ่องสอน: 38.5 ล้านบาท


➤ ข้อสังเกต:


•จังหวัดที่ได้รับงบประมาณสูงสุดล้วนอยู่ในภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อปัญหาไฟป่าสูง

•งบประมาณส่วนใหญ่มาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

•จังหวัดเชียงใหม่ได้รับงบประมาณทั้งจากส่วนกลางและท้องถิ่นสูงสุด



งบประมาณจัดการไฟป่าเชียงใหม่ ปี 2566 - 2567


จากหลายหน่วยงาน:

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม:

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช: 64,225,780 บาท (เป้าหมาย: แนวกันไฟ 5,552 กม.)

กรมป่าไม้: 12,515,800 บาท (เป้าหมาย: 80 หมู่บ้าน)

สำนักปลัดกระทรวง: 364,640 บาท

รวม: 77,106,220 บาท (26.99% ของงบไฟป่าทั้งประเทศ)


องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น:

อบจ. เชียงใหม่:

ปี 2564: 13,656,300 บาท

ปี 2565: 13,670,000 บาท

ปี 2566: 10,870,000 บาท


เทศบาลตำบล 42 แห่ง และ อบต. 59 แห่ง: 3,066,800 บาท (มากที่สุดในประเทศ)

งบกลาง:


272,655,350 บาท (สำหรับ 17 จังหวัดภาคเหนือและพื้นที่เสี่ยง)



หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการจัดการไฟป่าในประเทศไทยนั้น แบ่งออกเป็น 3 หน่วยงานหลักๆ ดังต่อไปนี้


1. กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

กรมป่าไม้มีภารกิจหลักในการป้องกันและควบคุมไฟป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแลโดยตรง นอกจากนี้ยังมีหน้าที่สนับสนุนด้านวิชาการและอุปกรณ์ในการดับไฟป่าให้แก่หน่วยงานอื่นๆ ประชาชนสามารถติดต่อกรมป่าไม้ได้ทางเว็บไซต์ www.forest.go.th/protect


2. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  

หน้าที่หลักของกรมอุทยานฯ คือการป้องกันและควบคุมไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และสวนสัตว์ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแล หน่วยงานนี้ยังมีบทบาทในการสนับสนุนด้านกำลังคนและอุปกรณ์ดับไฟป่าให้แก่หน่วยงานอื่นๆ ติดต่อได้ที่เว็บไซต์ www.dnp.go.th


3. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีหน้าที่หลักในการป้องกันและควบคุมไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบของตน รวมถึงสนับสนุนกำลังคนและทรัพยากรต่างๆ ในการดับไฟป่า นอกจากนี้ยังทำหน้าที่รณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับไฟป่าให้แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วย


การทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของทั้ง 3 หน่วยงานหลักเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น



โดยสรุป


ในปี 2566 ปัญหาไฟป่าในจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นปัญหาที่รุนแรงที่สุดของประเทศ โดยเชียงใหม่มีพื้นที่ป่าถูกไฟไหม้สูงถึง 43,265 ไร่ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ติดต่อกัน 4 ปีแล้ว เชียงใหม่จึงได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดการไฟป่ามากที่สุดถึง 91 ล้านบาท รองจากกระบี่ ลำปาง เชียงราย และแม่ฮ่องสอน โดยมาจากทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงงบกลาง 272.7 ล้านบาทสำหรับพื้นที่เสี่ยงภาคเหนือ


อย่างไรก็ตาม แม้เชียงใหม่จะได้รับงบประมาณสูงสุด แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพนัก เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ สภาพป่าเขา อากาศร้อน มีลมพัดแรง ประกอบกับพฤติกรรมการเผาในพื้นที่เกษตร ขณะที่บุคลากรและอุปกรณ์มีไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องบริหารจัดการงบประมาณ เพิ่มกำลังคน อุปกรณ์ การประชาสัมพันธ์ และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและทรัพยากรป่าไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น




ที่มา :  https://rocketmedialab.co/database-forest-fire-budget/
https://rocketmedialab.co/forest-fire-budget/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง