รีเซต

ลุ้นนั่งกินในร้านอาหาร 50% 9สมาคมยกทีมถก 'อนุทิน' ขอคลายล็อก ก.ย.เปิดธุรกิจ สธ.เสนอศบค.27ส.ค.

ลุ้นนั่งกินในร้านอาหาร 50% 9สมาคมยกทีมถก 'อนุทิน' ขอคลายล็อก ก.ย.เปิดธุรกิจ สธ.เสนอศบค.27ส.ค.
มติชน
25 สิงหาคม 2564 ( 08:18 )
78

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ผลกระทบจากการประกาศล็อกดาวน์ 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อภาคธุรกิจอย่างมาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. พร้อมผู้บริหารระดับสูง ร่วมหารือกับตัวแทน 9 สมาคมธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจร้านอาหาร กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมคลินิกเอกชน สมาคมผู้ประกอบการสปาไทย กลุ่มสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย สมาคมสนามกอล์ฟไทย และสมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย และสมาคมภัตตาคารไทย เพื่อขอผ่อนคลายมาตรการให้สามารถประกอบธุรกิจไปได้ภายใต้มาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ของ สธ.

 

 

นายอนุทินกล่าวว่า พร้อมรับฟังปัญหาและหารือกัน เพื่อหาทางออกให้ทุกฝ่ายผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี ยืนยันว่ารัฐบาลได้พยายามหาทางออกให้กับผู้ประกอบการทุกคนทุกกลุ่มอย่างเต็มที่ ในการประชุมแต่ละครั้งพยายามหาจุดสมดุลระหว่างธุรกิจและความปลอดภัยทางสุขภาพ

 

 

เอกชนชงเปิดธุรกิจ 3 ระยะ
นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการสมาคมศูนย์การค้าไทย กล่าวว่า แนวทางการขอเปิดธุรกิจที่สมาคมศูนย์การค้าเสนอมาแบ่งเป็น 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 คือ วันที่ 1 กันยายน ได้แก่ เปิดธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มนั่งรับประทานที่ร้าน ร้อยละ 50 และเปิดธุรกิจก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน คลินิกทันตกรรม ร้านนวด สปาเฉพาะนวดเท้า คลินิกเวชกรรม ธุรกิจเสริมสวยงดเว้นบริเวณใบหน้า ธุรกิจไอทีอุปกรณ์สื่อสารและไฟฟ้า อาคารสำนักงาน ธุรกิจบริการ เช่น ล้างรถ ซ่อมกุญแจ ไปรษณีย์ เบ็ดเตล็ด เช่น ร้านตัดแว่น สนามกอล์ฟ และกีฬากลางแจ้ง

 

 

ระยะที่ 2 วันที่ 15 กันยายน ระยะที่ 2 เป็นการเปิดธุรกิจร้านอาหารแบบนั่งรับประทานที่ร้าน ร้อยละ 75 ธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และธุรกิจสถาบันการศึกษา และระยะที่ 3 วันที่ 30 กันยายน หรืออาจจะเร็วกว่ากำหนดก็ได้ ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหารแบบนั่งรับประทานเต็มรูปแบบ 100% ธุรกิจประกอบการสุขภาพและสปา เครื่องเล่นเด็ก และผู้ใหญ่ ธุรกิจฟิตเนส และออกกำลำลังกายในร่ม ธุรกิจโรงภาพยนตร์ และห้องจัดเลี้ยง

 

 

“มาตรการปฏิบัติเพื่อรองรับการดำเนินการอย่างปลอดภัย อาทิ ผู้มาใช้บริการต้องได้รับการฉีดวัคซีน และมีการทำสวอบเทสต์ ดังนั้น ขอให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) พิจารณาปลดล็อก และระบุเป็นแผนและแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัว เตรียมความพร้อม และการสร้างความเชื่อมั่นทั้งภาครัฐกิจและการดำรงชีวิตของประชาชนโดยรวม ทั้งนี้ ศูนย์การค้าทุกแห่งประสงค์จะปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขโดยเคร่งครัด และถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ศูนย์การค้า สนามกอล์ฟ สนามกีฬากลางแจ้ง สามารถเปิดบริการได้ตามปกติ” นางศุภานวิตกล่าว

 

 

ลุ้นกินในร้าน50%-ชงศบค.27สค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหารือร่วมกันใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง โดยภายหลังการประชุมนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. แถลงสั้นๆ ว่า สธ.รับในหลักการ โดยมอบหมายให้กรมควบคุมโรคดำเนินการในรายละเอียด ก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ศบค. ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ เพื่อขอความเห็นชอบในมาตรการผ่อนคลายต่างๆ ทางผู้ประกอบการได้ยื่นหนังสือเพื่อขอให้ สธ.พิจารณาผ่อนคลายให้ร้านอาหารต่างๆ สามารถเปิดให้บริการได้ ซึ่งตอนนี้ เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อในประเทศไทยดูท่าทีแล้วผ่อนคลายลง แต่การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ก็ยังต้องสอบถาม ศบค.ก่อน ซึ่งจะเสนอวันที่ 27 สิงหาคมนี้ แต่มีแนวโน้มว่าเป็นไปได้ที่จะให้ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ประมาณ ร้อยละ 50 รวมถึงสถานประกอบการกลางแจ้ง สถานออกกำลังกายต่างๆ ก็อาจจะได้มีการผ่อนคลายให้ต่อไป

 

 

วาง 3 เกณฑ์เปิดร้านได้
นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือ สธ.อยากจะให้มีมาตรการป้องกันการติดเชื้อ จึงได้เสนอมาตรการให้องค์กร ผู้ประกอบการ จัดระบบป้องกันโดยให้พื้นที่บริการทั้งหมดต้องปลอดโควิด-19 ช่วยกันคัดกรองผู้ที่จะเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ในเข้าไปในสถานประกอบการแต่ละแห่ง เบื้องต้นมีหลักปฏิบัติ 3 แนวทาง โดยเป็นของผู้ประกอบการ 2 แนวทาง คือ 1.จัดสภาพแวดล้อมให้มีระยะห่าง ระบบระบายอากาศดี สถานที่สะอาดปลอดภัย 2.ในส่วนของบุคลากรจะต้องส่งเสริมให้มีการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน 2 เข็ม นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะต้องจัดให้มีการตรวจด้วยชุดตรวจเอทีเคเป็นระยะ 3.ขณะที่ในส่วนลูกค้าต้องปฏิบัติด้วยคือ ตรวจหรือแสดงตนว่าไม่ได้เป็นคนผู้ติดเชื้อ คือ ฉีดวัคซีน 2 เข็ม หรือมีการตรวจเอทีเค หรือผลตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) ทั้งหมดเป็นมาตรการสำหรับสถานประกอบการในระบบปิด ส่วนระบบเปิดน่าจะผ่อนปรนได้มากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงระยะเวลาผ่อนปรน นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ให้รอ ศบค.พิจารณา ถ้าอนุญาตให้มีการผ่อนปรนได้ คาดว่าการผ่อนปรนกิจการเหล่านี้น่าจะอยู่ในระยะเวลาราวๆ เดียวกัน ส่วนในรายละเอียดนั้น กรมควบคุมโรคจะมีการพิจารณาอีกครั้ง

 

 

สนั่น แนะฉีดวัคซีนภาคผลิต-เข็ม3
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่แอสตร้าเซนเนก้าได้ยืนยันว่าจะส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศไทยให้ครบ 61 ล้านโดส ภายในเดือนธันวาคมนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและส่งจะผลดีต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในประเทศไทย เพราะภายในสิ้นปีนี้ ประเทศไทยจะมีจำนวนวัคซีนทุกประเภทรวมกันแล้วเกินกว่า 120 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรกว่า 60 ล้านคน ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดส สำหรับประชากร 50 ล้านคน และหากเร่งฉีดได้ครบตามจำนวนวัคซีนที่มีดังกล่าว ก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในขณะที่ภาคธุรกิจก็สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จำนวนวัคซีนที่จะเข้ามาเพิ่มเติมมากขึ้นนั้น จำเป็นที่จะต้องปรับแผนการกระจายวัคซีนให้สอดคล้องตามไปด้วย ซึ่งหอการค้าไทยยืนยันว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลทั้ง 25 ศูนย์ของภาคเอกชน ยังสามารถรองรับปริมาณผู้เข้ารับบริการได้มากถึงวันละ 80,000 คน หอการค้าไทยจะมีการติดตามว่า วัคซีนจะเข้ามาถึงประเทศไทยในช่วงเวลาใด จำนวนวัคซีน และจะกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ เป็นอย่างไร เพื่อที่ภาคเอกชนจะได้มีการวางแผนการดำเนินงานล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

 

 

“การวางแผนกระจายวัคซีนและการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในปัจจุบัน ทุกคนต้องการเข้าถึงวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด แต่ที่ผ่านมาวัคซีนยังเข้าถึงประชาชนได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เนื่องจากปริมาณวัคซีนที่มีจำกัด แต่เมื่อมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นแล้วก็ต้องจัดสรรและกระจายให้ทั่วถึงตามลำดับความจำเป็น อาทิ กระจายไปสู่กลุ่มประชาชนในภาคการผลิต เพื่อให้ภาคการผลิตไม่หยุดชะงักเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป กระจายไปยังต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นเริ่มกลับมาได้ รวมทั้งเร่งฉีดเชิงรุกให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค สตรีมีครรภ์ นอกจากนั้น ภาครัฐควรเริ่มมองหาแนวทางการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับประชาชนในกรุงเทพฯ ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มในระยะแรก เนื่องจากคนกลุ่มนี้จะมีภูมิต้านทานลดน้อยลง และไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคสายพันธุ์เดลต้าได้ จึงจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นด้วย” นายสนั่นกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง