อลหม่าน นโยบายขึ้นค่าแรง หุ้นกลุ่มไหนโดนผลกระทบ

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส  (ประเทศไทย) ประเมินหุ้นที่ได้รับผลกระทบ จากนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จากพรรคการเมือง มองว่า ปัจจุบันอัตราค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยของไทยอยู่ที่ประมาณ 340 บาท/คน/วัน (เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.22) โดยมีคนวัยทำงาน 40.14 ล้านคน และคนมีงานทำราว 39.59 ล้านคน  ถ้าอัตราค่าแรงงานปรับขึ้นตามนโยบายที่พรรคการเมืองหาเสียงคือ 400-450 บาท/คน/วัน กล่าวคือ อัตราค่าแรงงาน สูงขึ้น +18%และ +32% จากปัจจุบัน ซึ่งทำให้ต้นทุนค่าแรงงานในระบบจะเพิ่มขึ้น 7.12 แสนล้านบาท และ 1.31 ล้านล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่อยู่ในภาคบริการ ภาคเกษตร และประมง จะได้รับผลกระทบมาก เพราะตามการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเมื่อปี 2561 ระบุว่าสัดส่วนต้นทุนแรงงานของภาค บริการอยู่ที่ 20.2% ของต้นทุนการผลิตรวม ส่วนของภาคเกษตร ประมง อยู่ที่ 17.4% ของต้นทุนการผลิตรวม ขณะที่ ภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 9% ของต้นทุนการผลิตรวม

จากการศึกษาพบว่า ต้นทุนภาคบริการ (เช่น โรงแรม รีสอร์ท สปา ร้านอาหาร ฯลฯ) จะปรับขึ้น 3.6%-6.5% ส่วน ต้นทุนภาคเกษตร ประมง ปรับขึ้น 3.1%-5.6%และภาคอุตสาหกรรมปรับขึ้น 1.6%-2.9% เมื่ออัตราค่าแรงงานปรับขึ้น 18%-32% นับว่ามีนัยสำคัญพอควร

สำหรับหุ้นที่ถูกกระทบทางลบ เช่น ERW, CENTEL, MINT, SHR, SPA ฯลฯ) อย่างไรก็ตาม มีผลในทางบวกด้วย คือ การจับจ่ายใช้สอยจะเพิ่มขึน้ เมื่อแรงงานมีรายได้สูงขึ้น เพียงแต่ ธปท.ระบุว่าอัตราการหมุนเวียนปริมาณเงินของไทยต่ำเพียง 0.16-0.20 เท่า เท่านั้น ขณะที่สหรัฐอยู่ที่1.1-2.0 เท่า