A5 พร้อมเทรด 7 มี.ค.นี้ โชว์ผลงานเด่นโต 129%
ข่าววันนี้ A5 จ่อเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 7 มีนาคมนี้ หลังได้รับอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์ ชูผลงานปี 64 ทำกำไรสุทธิ 135.67 ล้านบาท เติบโต 129% ตั้งเป้าหมายรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ 1 พันล้านบาท
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ นั้น ขณะนี้บริษัทได้รับการอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยหุ้น A5 จะเริ่มเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
** โอกาสขยายลงทุน
ทั้งนี้ บริษัทได้วางเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ในตลาดนิชมาร์เก็ต และเป็นดีเวลอปเปอร์ที่สร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในตลาด ด้วยการพัฒนาแบบบ้านและฟังก์ชันที่ไม่เหมือนใครและเป็นทางเลือกใหม่แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ มั่นใจว่าด้วยจุดแข็งของบริษัทที่มีความคล่องตัวสูงและโอกาสขยายการลงทุนพัฒนาโครงการในพื้นที่ต่างๆ ได้อีกมาก จึงทำให้ A5 เป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตที่ดีในระยะยาว
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 135.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 59.19 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ (รายได้รวม) 855.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 826.9 ล้านบาท
** บอร์ดใจดีปันผล
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทมีมติเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.01บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 พฤษภาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2565
สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 มองว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบจะมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง หากเป็นโครงการที่มีคุณภาพ มีการออกแบบบ้านและฟังก์ชันตอบโจทย์การอยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมายและตั้งอยู่ในทำเลเดินทางสะดวก โดยเฉพาะเซ็กเมนต์บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ซึ่งแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ บริษัทจึงวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้อีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,200 ล้านบาท
ขณะที่เป้าหมายในปีนี้ ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ 1,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนประมาณ 20% โดยแบ่งสัดส่วนรายได้จากโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 80% เช่น โครงการวนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 – ศรีนครินทร์ เฟสสุดท้าย และโครงการใหม่ที่เปิดปลายปีนี้ อีก 20% จะมาจากโครงการในต่างจังหวัด ได้แก่ โครงการรชยา จังหวัดอุดรธานี
ทั้ง 2 โครงการ