หุ้นเทคฯหนุน S&P500 ปิดบวก 1% ARM พุ่ง 10% ชิปมือถือรุ่ง

#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนหุ้นต่างประเทศรายวัน โดย บล.เอเซีย พลัส

ดัชนี S&P500 กลับมาปิดบวกได้วานนี้ (+1.07%) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากก่อนหน้านี้ตลาดกังวลต่อรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาด

สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% MoM ในเดือน ส.ค. (3.2% YoY vs. 3.2% เดือนก่อน) สูงกว่าตลาดคาด ที่ 0.2% MoM จากราคาในกลุ่มบริการที่ยังหนืดอยู่ โดยเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดทำให้ตลาดลดความคาดหวังเหลือเพียง 15% (vs. 34% วันก่อน) ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50bps (อิงข้อมูลจาก FedWatch Tool) ในการประชุมสัปดาห์หน้า (17-18 ก.ย.) ซึ่งช่วยหนุนค่าเงิน USD ให้แข็งค่ากลับขึ้นมาวานนี้ สำหรับเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) เพิ่มขึ้นเท่ากับตลาดคาดที่ +0.2% MoM (+2.5% YoY vs. +2.9% เดือนก่อน)

ด้านหุ้นกลุ่ม Semiconductor พุ่งขึ้นวานนี้(11 ก.ย.) นำโดย First Solar Inc +11.4% เนื่องจากตลาดคาดหวังว่าอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์จะได้ประโยชน์หาก Harris คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ขณะที่ Nvidia+8% หลังมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเห็นชอบให้ Nvidia สามารถส่งออกชิปที่ทันสมัยให้แก่ซาอุดีอาระเบียได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดี Biden ได้ควบคุมในประเด็นดังกล่าวเนื่องจากกังวลในความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียและจีน

ขณะที่การดีเบตอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่าง Harris-Trump วานนี้ นโยบายที่มีการ กล่าวถึงยังเป็นไปตามนโยบายหาเสียงที่ทั้งท่านได้เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้เช่น การที่ Trump ยังหนุนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าโดยเฉพาะกับจีน ซึ่งคาดว่าอาจจะทำให้ภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นของครัวเรือนสหรัฐฯ โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ Predictlt ระบุว่า Harris อาจเป็นตัวเต็งในการเลือกตั้ง หลังมีคะแนนดีขึ้นเล็กน้อยหลังจบการดีเบต

ข่าวหุ้นอัพเดท: Arm Holdings, Inditex และ AT&T

STOCK HIGHLIGHT

Arm Holdings (ARM US) ปรับตัวขึ้น 10.30% หลังนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley มีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัท เนื่องจากบทบาทสำคัญในตลาด Edge Al ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

- สถาปัตยกรรม v9 ของ Arm ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชิป A18 ของ Apple ที่จะใช้ใน iPhone 16 โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมมือถือจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 35% ในช่วงปี 2024 ถึง 2027 นอกจากนี้ การเปิดตัว v9.2 scalable matrix extensions ยังแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่น Arm ในด้าน mobile Al

- การเติบโตของค่าลิขสิทธิ์ (royalties) ที่ขับเคลื่อนโดยการนำไปใช้ในมือถือ คาดว่าจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรของบริษัท โดย Morgan Stanley คาดการณ์อัตราการเติบโต CAGR ของกำไรที่ 44% ในช่วง ปี 2024 ถึง 2027

- การเปิดตัว iPhone 16 ของ Apple ถือเป็นอีกปัจจัยหนุนสำคัญสำหรับ Arm โดยเฉพาะเมื่อ Apple เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ AI ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขาย iPhone เพิ่มขึ้นเป็น 230-260 ล้านเครื่องในปี 2026

- แม้ว่า Morgan Stanley จะปรับลดประมาณการกำไรสุทธิต่อหุ้น ปีบัญชี 2027 เป็น $3.63 แต่ยังคงราคาเป้าหมายที่ $175

.

Inditex (ITX.SM) ปรับตัวขึ้น 4.54% หลังเจ้าของแบรนด์ Zara ได้รายงานผลประกอบการออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด โดยเฉพาะยอดขายคอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มากไปกว่านั้น บริษัทเผยว่ารายได้ที่ไม่รวมผลกระทบจากค่าเงินระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม ถึง 8 กันยายน เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีกอนหน้า ซึ่งเป็นการฟื้นตัวที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่การเติบโตชะลอตัวลงเหลือ 7.2% เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในเดือนมิถุนายน

- โดยรายได้รวมออกมาอยู่ที่ 1.81 หมื่นล้านยูโร ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10% เป็น 2.8 พันล้านยูโร โดยได้แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ที่ระดับสูงถึง 58.3% ซึ่งสูงกว่าปีก่อนถึง 19% สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและความสามารถในการกำหนดราคา

- นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการเติบโตที่น่าสนใจสำหรับครึ่งปีหลังไม่ว่าจะเป็นการเปิดศูนย์กระจายสินค้าใหม่ที่ Zaragoza ประเทศสเปน การปรับปรุงร้านค้าหลักในจีนและสเปน การขยายแบรนด์ Massimo Dutti ในสหรัฐฯ และ Bershka ในอินเดีย รวมถึงการขยายบริการ pre-owned app-based ไปยังสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมนี้ อีกทั้ง บริษัทยังเตรียมเริ่มใช้ live shopping broadcasts ในตลาดสำคัญหลายประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

.

AT&T (T.US) ปรับตัวลง 1.20% ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Citi ยังคงคำแนะนำที่ Buy และได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก $21 มาอยู่ที่ $24

-โดยนักวิเคราะห์มองว่าบริษัทมีความได้เปรียบในการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายไฟเบอร์ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงความสามารถในการนำเสนอบริการแบบผสมผสานระหว่างมือถือและบรอดแบนด์

- อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ว่าจะไม่เกิด "super cycle" ในการอัพเกรดอุปกรณ์มือถือในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้และครึ่งปีแรกของปี 2025 หลังจาก Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่