สรุปข่าวลือ iPhone 12 ที่คุณควรรู้ ก่อนการเปิดตัว เที่ยงคืน 14 ตุลาคมนี้
ก่อนการเปิดตัว iPhone 12 เที่ยงคืน 14 ตุลาคมนี้ เรามาดูสรุปข่าวลือสเปกต่างๆ ของสมาร์ทโฟนที่หลายคนรอคอย พร้อมราคาคาดการณ์ ชอบรุ่นไหนเตรียมเก็บเงินไว้ให้พร้อมได้เลย
การออกแบบ
ข่าวลือจากเว็บไซต์ต่างประเทศหลายสำนักเผยว่า iPhone12 จะมีตัวเครื่องเหลี่ยมคล้าย iPad Pro ความหนาเพียง7.4 มิลลิเมตร เน้นสั่งการด้วยการสัมผัสบนหน้าจอ จึงไร้ปุ่ม Home และแน่นอนว่าอาจจะไม่มี Touch ID มาให้ด้วย
ที่มาของภาพ https://www.macrumors.com/roundup/iphone-12/
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่า Appleจะยังคงเก็บ “รอยแหว่ง” หรือ Notch ด้านบนจอแสดงผลไว้สำหรับการวางตำแหน่งกล้องหน้าแต่จะมีขอบจอที่บางลงกว่าเดิม จากภาพม็อกอัปที่หลุดออกมาเผยให้เห็นขอบจอที่บางลงถึง40% ใน iPhone 12 Pro Max
ส่วนสีสันของตัวเครื่อง จะแบ่งตัวชนิดของโมเดลสำหรับโมเดลที่ลงท้ายด้วย Pro จะเน้นความพรีเมียมของวัสดุจึงใช้สีทอง, เงิน, แกรไฟต์ และน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีใหม่ที่มาแทนสีเขียว MidnightGreen แต่ในรุ่น non-Pro นั้น จะเน้นสีสันสวยงามจึงคาดว่าจะมีสีดำ, ขาว, แดง, ฟ้า และสีเขียว จะเห็นได้ว่ามีการตัดสีส้มและสีเหลืองออกจากปัญหาที่มีหลายคนบ่นว่าสองสีนี้ “ไม่ตรงปก”
จอแสดงผล
iPhone 12 จะมีอยู่ด้วยกัน 4 โมเดล แตกต่างกันไปตามขนาดของจอแสดงผล ได้แก่
- iPhone12 Mini – ขนาดจอแสดงผล 5.4 นิ้ว พาเนล SuperRetina HD (ความละเอียด 720p)
- iPhone12 - ขนาดจอแสดงผล 6.1 นิ้ว พาเนล SuperRetina HD (ความละเอียด 720p)
- iPhone12 Pro - ขนาดจอแสดงผล 6.1 นิ้ว พาเนล SuperRetina XDR (ความละเอียด 1080p)
- iPhone12 Pro Max – ขนาดจอแสดงผล 6.7 นิ้ว พาเนล SuperRetina XDR (ความละเอียด 1080p)
ที่มาของภาพ https://www.macrumors.com/roundup/iphone-12/
ส่วนสิ่งที่หลายคนรอคอย คือจอแสดงผลที่มีค่า Refreshrate สูงกว่า 60 HZ (90-120 Hz) รวมถึงเทคโนโลยีProMotion เช่นเดียวกับ iPad Pro เพื่อการแสดงผลที่ราบลื่นสำหรับการชมวิดีโอหรือการเล่นเกมแต่หลายแหล่งข่าวเชื่อว่า Apple อาจจะยังใช้จอ 60 Hz เหมือนเดิม เนื่องด้วยข้อจำกัดของแบตเตอรี่
ความเร็ว, ความจุพื้นที่จัดเก็บข้อมูล, แบตเตอรี่และอุปกรณ์เสริม
สำหรับเรื่องชิปประมวลผลที่ใช้ใน iPhone12 ทุกรุ่นนั้น สามารถคาดเดาได้ง่ายมาก นั่นคือชิป Apple A14Bionic ซึ่งใช้โหนดการผลิตขนาด 5nm ทำให้มีความเร็วและประหยัดไฟยิ่งขึ้นให้พลังการประมวลผลสูงกว่าเดิม 40%, ประมวลผลกราฟิกสูงขึ้นกว่าเดิม30% และประสิทธิภาพด้าน AI ดีขึ้นกว่าเดิมถึง2 เท่า (เมื่อเทียบกับชิป A12)
ที่มาของภาพ https://www.macrumors.com/roundup/iphone-12/
ความจุหรือพื้นที่สำหรับการติดตั้งแอปพลิเคชันนั้นคาดว่า Appleจะจัดมาให้อย่างน้อย 128 GB ในโมเดล Proพร้อมแรม 6GB ส่วนโมเดล non-Pro จะมีความจุเริ่มต้น 64GB พร้อมแรม 4GB
ขนาดของแบตเตอรี่นั้น โดยปกติแล้ว iPhoneทุกรุ่นจะไม่บอกความจุแบตเตอรี่มาให้ (นำเสนอแค่ว่าใช้ได้นานกี่ชั่วโมง)เป็นเพียงการคาดการณ์จากขนาดแบตเตอรี่จากนักรีวิวเท่านั้น สำหรับใน iPhone12 นั้น คาดว่าจะมีขนาดไม่แตกต่างไปจาก iPhone 11 แต่อาจจะมีระยะเวลาการใช้งานได้ยาวนานขึ้น จากประสิทธิภาพของชิป A14
ที่มาของภาพ
ทางด้านอุปกรณ์เสริมนั้น จากที่หลายคนคาดการณ์ไว้คือจะไม่แถมอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่และหูฟังมาให้ในกล่อง แต่ใส่แค่สายเคเบิลชาร์จแบตมาให้เพียงอย่างเดียวและสิ่งที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่คือ iPhone 12 จะได้ใช้พอร์ตUSB-C หรือยังคงอยู่กับพอร์ต Lightning แบบเดิม (แล้วแถมสายแปลง Lightning to USB-C มาให้)
กล้องถ่ายรูป
กล้องถ่ายรูปเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่างโมเดลProและ non-Pro โดยโมเดล Pro จะประกอบด้วยกล้องทั้งหมด 3 ตัว (เลนส์ธรรมดา, เลนส์Ultra-wide และเลนส์ Telephoto) ยังไม่ทราบขนาดความละเอียด(คาดว่าไม่แตกต่างไปจากของ iPhone 11)
ที่มาของภาพ https://www.macrumors.com/roundup/iphone-12/
แต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาจาก iPhone11 คือเซนเซอร์ LiDAR ขนาด 12MP เพื่อใช้ในการวัดระยะความลึกอย่างแม่นยำ อาจปรับไปใช้กับการถ่ายภาพ Portraitรวมถึงใช้ร่วมกับแอป Augmented Reality (AR) อีกด้วย
ส่วนโมเดล non-Pro ได้แก่ iPhone12 Mini และ iPhone 12 จะมีกล้องหลัง 2ตัว (เลนส์ธรรมดา และเลนส์ Ultra-wide) ไม่มีเซนเซอร์ LiDARและกล้องหน้าของในทุกรุ่นจะมีอยู่ 1 ตัว ความละเอียด 12MP
ที่มาของภาพ
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือเรื่องประสิทธิภาพของเลนส์Telephotoที่สามารถซูมได้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 25-30 เท่าซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่
การรองรับ 5G
เทคโนโลยีเครือข่าย 5G กำลังมาแรงในขณะนี้ ซึ่งหลายค่ายมือถือเริ่มมีทำสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5Gกับออกมาหมดแล้ว Apple จึงไม่น่าพลาดที่จะนำมาใส่ไว้ในiPhone 12 ด้วย
ที่มาของภาพ https://www.macrumors.com/roundup/iphone-12/
สำหรับการรองรับ 5G นั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือช่วงคลื่นแบบ Sub-6GHz ที่มีความเร็วสูงกว่าสัญญาณ 4G ราว 2 เท่า และนิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่ อีกรูปแบบหนึ่งคือ mmWave ซึ่งเร็วกว่าแบบ Sub-6GHz เสียอีก เพียงแต่ยังมีสัญญาณให้ใช้งานได้จำกัด
iPhone 12 ทุกโมเดลจะรองรับเทคโนโลยี 5G แต่สำหรับโมเดล non-Proจะใช้งานได้เพียงช่วงคลื่น Sub-6GHz ส่วนโมเดลPro จะใช้งานได้ทั้ง Sub-6GHz และ mmWave
ราคาและวันวางจำหน่าย
ประเด็นเรื่องราคาของ iPhone12 นั้น มีอยู่หลากหลายมาก ไม่ว่าจะมีรคาแพงขึ้นหรือถูกลงกว่าเดิม แต่จากแหล่งอ้างอิงเชื่อว่าแต่ละโมเดลจะมีราคาดังนี้
- iPhone 12 Mini ราคาเริ่มต้นที่ 699 ดอลลาร์ หรือประมาณ 22,000 บาท
- iPhone 12 ราคาเริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์ หรือประมาณ 25,000 บาท
- iPhone 12 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ หรือประมาณ 31,200 บาท
- iPhone 12 Pro Max ราคาเริ่มต้นที่ 1,099ดอลลาร์ หรือประมาณ 35,000 บาท
ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายของ iPhoneจะแตกต่างกันออกไป โดยคาดว่าหลังการเปิดตัวในค่ำคืนนี้จะมีการวางจำหน่าย iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ตามมา ส่วน iPhone 12 Mini และ iPhone 12 ProMax จะทิ้งช่วงออกไปจนกว่าจะถึงเดือนพฤศจิกายนนี้
ที่มาของภาพ https://www.macrumors.com/roundup/iphone-12/
และนี่คือสรุปข่าวลือก่อนการเปิดตัวของ iPhone12 แล้วอย่าลืมติดตามสรุปข่าวหลังการเปิดตัวว่าสเปกที่ได้นั้นจะเป็นไปตามข่าวลือและน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน เผื่อใครวางแผนจะซื้อมือถือเครื่องใหม่จะได้รีบเตรียมเงินกันไว้ก่อนนั่นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Mac World , CNET
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline