2 นักวิจัยหญิง สวทช. คว้ารางวัลใหญ่ ดันวัคซีน ASF–นาโนส่งยาไทย

2 นักวิจัยหญิง สวทช. คว้ารางวัลเชิดชูเกียรติ ดันงานวิจัยไทยสู่มาตรฐานสากล
โครงการ “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” ประจำปี 2568 ของลอรีอัล กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศชื่อ 2 นักวิจัยหญิงจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่คว้ารางวัลเชิดชูเกียรตินักวิจัยสตรีไทย จากผลงานวิจัยสร้างคุณค่าแก่ประเทศในภาคเกษตรและสาธารณสุข โดยทั้งสองผลงานอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ S&T Implementation for Sustainable Thailand ที่มุ่งแก้ปัญหาสำคัญของชาติและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
วัคซีน ASF สัญชาติไทย ความหวังฟื้นอาชีพเกษตรกรสุกร
ดร. สพ.ญ.ฌัลลิกา แก้วบริสุทธิ์ จากไบโอเทค สวทช. คว้ารางวัลจากผลงานพัฒนา “วัคซีนต้นแบบป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF)” ซึ่งเป็นโรคระบาดรุนแรงที่สร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท ทำให้ฟาร์มขนาดเล็กและกลางจำนวนมากต้องปิดกิจการ
จากสภาวะที่ประเทศไทยไม่มีเทคโนโลยีพื้นฐานด้านการผลิตวัคซีน ASF มาก่อน ทีมวิจัยเริ่มต้นสร้างองค์ความรู้ตั้งแต่การศึกษาไวรัส ASFV ไปจนถึงการพัฒนา “วัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์จากสายพันธุ์ไทย” ซึ่งผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการแล้วพบว่าสามารถป้องกันโรคได้ 70–100% และมีความปลอดภัยสูง แม้ใช้ในปริมาณโดสที่มาก
ปัจจุบันทีมวิจัยร่วมกับกรมปศุสัตว์และฟาร์มต้นแบบเพื่อเตรียมการทดสอบในสถานการณ์จริง หากสำเร็จ วัคซีน ASF สัญชาติไทยจะช่วยฟื้นอุตสาหกรรมสุกร ลดต้นทุนจากการพึ่งพาวัคซีนต่างประเทศ และเสริมความมั่นคงด้านอาหารของประเทศในระยะยาว
ดร.ฌัลลิกาย้ำว่า แรงบันดาลใจสำคัญ คือ เกษตรกรที่ยังมีความหวังกลับมาเลี้ยงสุกรอีกครั้ง หลังเคยสูญเสียทุกอย่างจากโรค ASF จึงมุ่งพัฒนาวัคซีนที่แก้ปัญหาได้จริง
อนุภาคนาโนไขมันดัดแปลงพื้นผิว ความหวังใหม่การรักษาโรค NCDs
อีกหนึ่งรางวัลคือผลงานของ ดร.มัตถกา คงขาว จากนาโนเทค สวทช. ผู้พัฒนา “อนุภาคนาโนไขมันดัดแปลงพื้นผิวเพื่อนำส่งยา” ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึม ลดผลข้างเคียง และนำพายาไปยังเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตกว่า 70% ทั่วโลก และกว่า 75% ของผู้เสียชีวิตไทยต่อปี
เทคโนโลยีนี้ออกแบบอนุภาคนาโนให้จำเพาะต่อโรค เช่น มะเร็ง สมองเสื่อม เบาหวาน หรือโรคหัวใจ ช่วยควบคุมการปลดปล่อยยา เพิ่มประสิทธิภาพ และลดการใช้ยาเกินจำเป็น โดยผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในระดับ Pre-Clinic แล้ว และอยู่ระหว่างการทดสอบทางคลินิกกับคณะแพทย์จากหลายสถาบัน
งานวิจัยยังต่อยอดสู่เวชศาสตร์ป้องกันและพัฒนาเวชสำอาง เช่น การกักเก็บสารออกฤทธิ์จากสมุนไพรไทย เช่น กระชายดำ ภายใต้แพลตฟอร์ม PhytoEX ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและลดการนำเข้าวัตถุดิบต่างประเทศ
ดร.มัตถกาเผยว่า หากผลการทดลองเป็นไปตามคาด เทคโนโลยีจะพร้อมใช้เชิงพาณิชย์ภายใน 3–5 ปี ช่วยยกระดับการรักษาโรค NCDs และสนับสนุนความยั่งยืนของระบบสาธารณสุขไทย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
