รีเซต

จับสลาก “บ้านเพื่อคนไทย” โอกาสใหม่ หรือความหวังที่ยังต้องรอลุ้น?

จับสลาก “บ้านเพื่อคนไทย” โอกาสใหม่ หรือความหวังที่ยังต้องรอลุ้น?
TNN ช่อง16
14 พฤษภาคม 2568 ( 20:02 )
14

โครงการบ้านเพื่อคนไทยเดินหน้าเฟสแรก จับสลาก 5,000 หลังในเดือน พ.ย. จากผู้ลงทะเบียน 260,000 ราย รัฐยันใช้ระบบโปร่งใส-ตรวจสอบได้ พร้อมเปิดทางกลุ่มไม่ผ่านเกณฑ์เข้าสู่รอบใหม่


ความหวังบนกระดาษ กับสิทธิที่ต้องลุ้น

จากตัวเลขผู้ลงทะเบียนกว่า 260,000 คน โครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” กลายเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ประชาชนจำนวนมากเฝ้าติดตามด้วยความคาดหวัง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเองหรืออยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ไม่มั่นคง การประกาศเตรียมจับสลากรอบแรก 5,000 สิทธิภายในเดือนพฤศจิกายน จึงไม่ใช่เพียงแค่ขั้นตอนเชิงเทคนิค แต่คือบทพิสูจน์ว่ารัฐสามารถเริ่มเปลี่ยนความฝันให้จับต้องได้จริงแค่ไหน

ขณะเดียวกัน ตัวเลขผู้ผ่านเกณฑ์การประเมินคุณสมบัติเบื้องต้นจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ก็อยู่ที่ประมาณ 130,000 ราย หรือราวครึ่งหนึ่งของผู้ที่แสดงความสนใจ ซึ่งชี้ให้เห็นว่ากระบวนการคัดกรองยังต้องทำงานหนัก หากจะให้ทุกเสียงที่ยื่นเข้ามาได้รับโอกาสที่เท่าเทียมและเป็นธรรม

ขั้นตอนสู่การจับสลาก กับคำถามว่าระบบโปร่งใสแค่ไหน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อใช้ระบบจับสลากแบบเรนด้อม โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ที่สำนักงานสลากฯ เคยจัดระบบให้กับผู้ลงทะเบียนกว่า 900,000 รายในอดีต ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าระบบดังกล่าวจะสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนการพยายามของรัฐในการใช้กลไกที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม การจับสลากแบบโปร่งใสอาจยังไม่ตอบคำถามทั้งหมดของผู้รอคอยสิทธิ์ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กระบวนการกระจายทรัพยากรภาครัฐไม่ถูกผูกขาดไว้กับระบบอุปถัมภ์หรือความสัมพันธ์พิเศษ

รัฐไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้ยังไม่ผ่านเกณฑ์

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า แม้ผู้ลงทะเบียนจำนวนมากจะยังไม่ผ่านเกณฑ์จาก ธอส. แต่รัฐบาลยังคงเปิดโอกาสให้เข้าสู่กระบวนการอบรมและประเมินคุณสมบัติรอบใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานอิสระหรือกลุ่มทำงานไม่ประจำ ซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อแบบดั้งเดิม

แนวทางดังกล่าวเป็นการวางรากฐานนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ผลักใครออกจากระบบทันที และสร้างโอกาสให้ผู้มีความพร้อมเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งถือเป็นมุมคิดเชิงบวกของการออกแบบนโยบายรัฐที่ไม่รีบร้อนกดปุ่มคัดออกทันทีในรอบแรก

เป้าหมายปี 69 กับพื้นที่นำร่องที่ยังรอความชัดเจน

แม้จะยังไม่มีคำตอบว่า “ใครจะได้บ้านหลังแรกในโครงการ” อย่างชัดเจน แต่กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าสามารถเริ่มส่งมอบบ้านได้ภายในปี 2569 โดยเบื้องต้นมีพื้นที่ศักยภาพ 4 แห่ง ได้แก่ ย่าน กม.11 และธนบุรีในกรุงเทพฯ เชียงรากในปทุมธานี และพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่

อย่างไรก็ดี การก่อสร้างยังต้องรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงผ่านขั้นตอนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการประมูลราคากลาง (TOR) อย่างครบถ้วน การบริหารเวลาและขั้นตอนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกว่า “บ้านในฝัน” จะไปถึงมือประชาชนตามกำหนดหรือไม่

ไม่ใช่แค่บ้านราคาถูก แต่คือโครงสร้างใหม่ของความมั่นคงชีวิต

ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ย้ำว่างบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการเฟสแรกนั้นมาจาก ธอส. โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณแผ่นดินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งช่วยลดแรงกดดันต่อการใช้งบภาครัฐ และเปิดโอกาสให้ระบบสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยเติบโตภายใต้กลไกของธนาคารเพื่อประชาชน

การแจกจ่ายบ้านจึงไม่ใช่แค่การช่วยคนจนหรือแบ่งปันทรัพย์สิน แต่คือการขยายแนวคิด “สิทธิพื้นฐานในการมีที่อยู่อาศัย” ให้กลายเป็นนโยบายระดับชาติที่วางอยู่บนหลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ ขึ้นกับว่าโครงการนี้จะเดินไปได้ไกลแค่ไหน และจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้จริงหรือไม่

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง