ย้อนบทเรียนโครงการคนละครึ่ง สร้างเศรษฐกิจฟื้นแต่ยังมีโจทย์ท้าทาย

โครงการคนละครึ่งกับภาพรวมที่ผ่านมา
โครงการ “คนละครึ่ง” ถือเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงวิกฤตโควิด-19 เป้าหมายสำคัญคือเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนและสร้างสภาพคล่องให้ร้านค้าขนาดเล็ก ผลลัพธ์ที่ได้คือเกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจจำนวนมาก แต่เมื่อเจาะลึกในรายละเอียด กลับพบทั้งด้านบวกและด้านลบที่ควรเรียนรู้หากต้องการพัฒนาโครงการในอนาคต
ผลเชิงบวก รายย่อยได้โอกาสขยายฐานลูกค้า
งานวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชี้ว่า ร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการมียอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 174% และได้ฐานลูกค้าใหม่มากถึง 176% โดยเฉพาะร้านเล็กที่สุดซึ่งมียอดขายไม่เกิน 500 บาทต่อสัปดาห์ ยังคงได้รับประโยชน์ต่อเนื่องหลังโครงการสิ้นสุด สิ่งนี้ตอกย้ำว่ามาตรการดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการระดับล่างมีพื้นที่ยืนในระบบเศรษฐกิจได้จริง
ผลเชิงลบ การบริโภคใหม่เกิดน้อย
ในแง่การกระตุ้นเศรษฐกิจกลับพบข้อจำกัดสำคัญ เงินอุดหนุนจากรัฐ 1 บาท กระตุ้นการใช้จ่ายใหม่ได้เพียง 0.4 บาท ขณะที่เกิดการทดแทนการใช้จ่ายกับร้านค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมถึง 41% ซึ่งแสดงถึง Crowding-Out Effect นอกจากนี้กลุ่มจังหวัดรายได้ต่ำตอบสนองได้ดีกว่ากลุ่มรายได้สูง สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำของผลลัพธ์
ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึง
แม้โครงการเปิดกว้าง แต่ก็ยังมีกลุ่มเปราะบางที่ถูกกันออก เช่น เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกทั้งผู้สูงอายุและคนพิการจำนวนไม่น้อยเผชิญอุปสรรคด้านเทคโนโลยี ไม่สามารถใช้สิทธิได้สะดวก ความไม่ครอบคลุมนี้กลายเป็นโจทย์เชิงนโยบายที่ยังต้องการการแก้ไข
ปัญหาทุจริตและผลทางกฎหมาย
ตลอดการดำเนินงาน พบคดีทุจริตกว่า 700 ราย เฉพาะโครงการคนละครึ่งถูกดำเนินคดีอาญา 106 คดี รูปแบบหลักคือการแลกสิทธิเป็นเงินสดและการสร้างบัญชีปลอมข้ามจังหวัด โทษสูงสุดคือจำคุก 3 ปี ปรับ 60,000 บาท หากทำซ้ำหลายครั้งอาจถูกลงโทษนานถึง 10–20 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความโปร่งใส
ข้อเสนอเชิงนโยบาย
1. ปรับเงื่อนไขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ – ใช้กลไกคูปองหรือกำหนดการใช้จ่ายขั้นต่ำ รวมถึงแยกวงเงินตามกลุ่มรายได้
2. เข้มงวดตรวจสอบ – บูรณาการข้อมูลประชาชน–ร้านค้า ใช้ระบบตรวจสอบย้อนหลังอัตโนมัติ และร่วมมือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
3. พัฒนาดิจิทัลให้เป็นมิตรต่อทุกคน – ออกแบบแอปที่ใช้ง่ายสำหรับผู้สูงอายุ พร้อมจัดตั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่ตามชุมชน
4. เชื่อมโยงมาตรการระยะสั้นกับระยะยาว – ใช้โครงการเป็นจุดเริ่มต้นต่อยอดสู่การสร้างอาชีพและฝึกทักษะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
โครงการคนละครึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยร้านค้ารายย่อยให้ฟื้นตัวและสร้างสภาพคล่อง แต่หากต้องการผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จำเป็นต้องปรับสมดุลด้านการเข้าถึง ปิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ เสริมมาตรการป้องกันทุจริต และออกแบบกลไกให้การกระตุ้นการใช้จ่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
