รีเซต

ส่องแนวคิดนวัตกรรมที่อยู่อาศัยสุดแปลก | TNN Tech Reports

ส่องแนวคิดนวัตกรรมที่อยู่อาศัยสุดแปลก | TNN Tech Reports
TNN ช่อง16
17 เมษายน 2566 ( 17:54 )
99



ปัจจุบัน ที่พักอาศัยถูกคิดค้นและพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบที่แตกต่าง จากบ้านดั้งเดิมซึ่งเป็นเพียงพื้นที่สี่เหลี่ยมธรรมดา  ๆ ทั่วไป เพื่อตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตภายในบ้านได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็อาจจะปฎิเสธไม่ได้ว่า ที่พักอาศัยในรูปแบบใหม่เกิดขึ้นนี้ก็เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคหรือคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น เทรนด์การนำเทคโนโลยี IoT เข้ามาติดตั้งภายในบ้าน เพื่อให้เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเครื่องมือใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือสิ่งอำนวยความสะดวกแทน โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาทำทุกอย่างด้วยตัวเอง 


หรือจะเป็นเทรนด์การออกแบบตกแต่งที่พักอาศัยที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และกลมกลืนไปกับกับบรยากาศโดยรอบที่เรียกว่า Sustainable Design โดยให้ความใส่ใจกับการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นมิตร รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการออกแบบและก่อสร้างที่มีความรวดเร็วทันใจ ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่พักอาศัยที่คนรุ่นใหม่มองหา




The Living O'Pod


The Living O'Pod คือบ้านทรงโดมที่หมุนได้ ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยดื่มด่ำกับทิวทิศน์ธรรมชาติได้แบบ 360 องศา จากทุกจุดของตัวบ้าน แนวคิดการออกแบบบ้านทรงโดมนี้ เป็นผลงานจากสตูดิโอออกแบบในประเทศฟินแลนด์ที่ต้องการให้ผู้อยู่อาศัย ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด 


ตัวโครงสร้างของบ้านในโดมแก้วนี้ ถูกแบ่งเป็น 2 ชั้น ล้อมรอบด้วยผนังกระจกใสรอบทิศทาง ภายในจัดแบ่งเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น และพื้นที่ระเบียง สำหรับพื้นบ้านเน้นการใช้วัสดุที่ทำด้วยไม้อัด ให้เราสัมผัสกับธรรมชาติได้เต็มที่ ส่วนบริเวณบันไดใช้วัสดุเหล็กสีดำเสริมความแข็งแกร่ง ขณะที่การตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ในห้องต่าง ๆ  จะเน้นไปที่การหันหน้าเข้าหาแสงสว่าง เพื่อให้ได้รับแสงจากธรรมชาติ




นอกจากนี้ด้วยความที่บ้านใช้กระจกใสล้อมรอบ จะทำให้เงาของต้นไม้และแสงธรรมชาติ มีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามทิศทางของดวงอาทิตย์ที่ทำมุมกับต้นไม้ ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และแน่นอนว่าในเวลากลางคืน ห้องนอนชั้นสองสามารถมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจนอีกด้วย


ส่วนใครที่กำลังกังวลว่าอุณหภูมิบ้านจะร้อนหรือเย็นเกินไป ปัญหานี้ทางทีมผู้พัฒนาก็ได้หาทางแก้ปัญหาไว้แล้ว ด้วยการติดตั้งฉนวนป้องกันความร้อน และระบบทำความร้อนสำหรับบ้านที่ตั้งในเมืองหนาว ทำให้ไม่ต้องเจอกับความร้อนมากเกินไป  แต่ขณะเดียวกันก็ยังรักษาความอบอุ่นในบ้านได้แม้ภายนอกจะมีหิมะตก นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นที่โครงสร้างทั้งหมดของบ้าน ซึ่งถูกออกแบบให้เคลื่อนย้ายประกอบได้ง่ายดายในสถานที่ต่าง ๆ ด้วย  


Gablok


ผลงานนี้เป็นการพัฒนา ของสตาร์ตอัป Gablok จากเบลเยียม ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านธุรกิจการก่อสร้างมากว่า 25 ปีที่ออกแบบบล็อกสร้างบ้านจากไม้ สามารถต่อเติมเป็นบ้านเองได้ และเคลมว่าสร้างเสร็จในไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ โดยมีคอนเซปต์เพื่อชูแนวคิดการพัฒนาบล็อกบ้านที่ใช้งานง่าย ประกอบรวดเร็ว อัพเกรดได้ เบา และประหยัดพลังงาน ตอบโจทย์การสร้างบ้านด้วยตัวเอง ซึ่งอาจจะกลายเป็นเทรนด์ที่อยู่อาศัยแบบใหม่ในอนาคต




โดยการออกแบบโครงสร้างของบ้าน เน้นการติดตั้งและต่อเติมตามแบบอาคารที่ต้องการได้ง่าย โดยบริษัทเคลมว่าออกแบบให้รับน้ำหนักและยึดกันได้ดี ประกอบได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอให้แห้ง มีพื้นที่สำหรับวางระบบไฟฟ้า สัญญาณเตือน และระบบประปาแล้วเรียบร้อย ตัวบล็อกไม้ ทำมาจากไม้รีไซเคิลอัดแน่น มีให้เลือกสามขนาดด้วยกัน คือ ขนาดยาว 30 เซนติเมตร, 60 เซนติเมตร และ 90 เซนติเมตร


สำหรับ 1 ชุดก่อสร้างมาตรฐาน จะประกอบไปด้วย 8 ชิ้นส่วนด้วยกัน ได้แก่ เช่น คาน บล็อกหุ้มฉนวน ชิ้นส่วนองค์ประกอบพื้น รวมถึงวิธีการติดตั้งแนบมาให้ด้วย ส่วนราคาขึ้นอยู่กับการสั่งตัวบล็อกแต่ละชิ้น ซึ่งข้อดีของตัวบล็อกเหล่านี้ คือไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ด้านการก่อสร้างที่ซับซ้อนก็สามารถวางโครงสร้างที่ต้องการได้ โดยใช้หลักการยึดแบบเดียวกับที่ตัวต่อเลโก้ยึดติดกัน // ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของบริษัท ที่อยากให้ทุกคนมีโอกาสสร้างบ้านเป็นของตัวเองได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายวัสดุส่วนเกิน และลดการสร้างขยะที่ไม่จำเป็นได้อีกด้วย 



Tree Hotel


Tree Hotel คือ โรงแรมบ้านต้นไม้ที่ตั้งอยู่บริเวณเมือง ฮาราดส์ทางตอนเหนือของประเทศสวีเดน โดดเด่นด้วยห้องพักหลากหลายแบบ โดยหนึ่งผลงานสุดสร้างสรรค์ที่เราหยิบมานำเสนอ คือ Mirrorcube ห้องพักทรงลูกบาศก์ที่ล้อมรอบด้วยกระจกเงา ทำให้ดูราวกับว่าล่องหนได้ สะท้อนภาพป่าโดยรอบได้อย่างแนบเนียน




Mirrorcube เป็นห้องพักขนาด 16 ตารางเมตร โครงสร้างหลักทำจากอลูมิเนียม รองรับการพักอาศัยได้ 2 คน การตกแต่งภายในเน้นบรรยากาศสบาย ๆ และอบอุ่นจากงานไม้อัด ขณะที่ภายในห้องมีเตียงคู่ พื้นที่นั่งเล่น และห้องน้ำเล็ก ๆ ในตัว รอบห้องเจาะหน้าต่างเพื่อมองวิวภายนอกได้ 360 องศา รวมถึงยังมีระเบียงเล็ก ๆ ที่ทำให้สามารถออกไปรับลมได้แบบใกล้ชิดธรรมชาติไปอีกขั้น


นอกจากนี้ โรงแรมยังได้แปะฟิลม์อินฟาเรดแบบพิเศษที่นกสามารถมองเห็นได้ เพื่อให้ไม่รบกวนการใช้ชีวิตของพวกมัน รวมถึงสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ  โดยราคาให้บริการห้องนี้ขึ้นอยู่กับฤดูที่เข้าพัก โดยเริ่มต้นที่ 5200 โครนาสวีเดน หรือประมาณ 17,900 บาทต่อคืน สำหรับสองคน




และนอกจากห้อง Mirrorcube แล้ว ทางโรงแรมยังมีห้องอีกหลากหลายแบบให้เลือก เช่น The Cabin ห้องที่มีรูปร่างเหมือนแคปซูล เหมาะสำหรับคู่รักที่อยากพักชมวิวธรรมชาติ และ THE 7TH ROOM ห้องหมายเลขเจ็ด ออกแบบเพื่อเน้นประสบการณ์ชมวิวแบบพาโนรามา 


ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการสร้างบรรยากาศให้ผู้มาเยือนได้พักผ่อนหย่อนใจ และชมวิวทิวทัศน์เหนือผืนดินได้แบบ 360 องศา ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการชมธรรมชาติแบบใกล้ชิด




ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง