เปรียบเทียบระบบโอนเงินระดับโลก IBAN กับ SWIFT

หากพูดถึงระบบการโอนเงินระดับโลกแล้ว ปัจจุบันมีระบบการโอนเงินอยู่ 2 อย่างด้วยกันก็คือ ระบบ International Bank Account Number (IBAN) และ Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication (SWIFT) แม้ว่าทั้งสองระบบนี้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย แต่มันมีความแตกต่างบางอย่างที่จะต้องรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบการโอนเงินทั้ง 2 แบบที่จะต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างมากขึ้น

1.ระบบ IBAN 

ระบบ IBAN เป็นระบบการโอนเงินระดับโลกที่ช่วยในเรื่องของการยืนยันตำแหน่งที่ตั้งของธนาคารแต่ละประเทศได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมไปถึงหมายเลขบัญชีของผู้รับการโอนเงิน โดยระบบ IBAN มีกระบวนการขั้นตอนในการตรวจสอบรายละเอียดการทำธุรกรรมได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ส่วนใหญ่ระบบนี้จะมีการใช้ในประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ทางด้านยุโรป

ระบบ IBAN มีการถือกำเนิดขึ้นในปี 1997 โดยองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐานหรือ ISO ได้มีการจัดหาตัวแทนองค์กรต่าง ๆ หลายประเทศทำการพัฒนาระบบการโอนเงินเบื้องต้นขึ้นมา ในช่วงแรกทางองค์กรต่าง ๆ มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความยืดหยุ่นของการบังคับใช้ว่า จะทำให้ระบบการโอนเงินเป็นไปตามมาตรฐานสากลหรือไม่ ทำให้แต่ละประเทศที่ต้องการใช้ระบบ IBAN จะต้องมีการใช้ข้อบังคับแบบตายตัว 

สำหรับการใส่รหัส IBAN จะมีความซับซ้อนสูง มีความยาวของรหัสแต่ละประเทศมากน้อยไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่นประเทศตุรกีต้องมีการใส่ตัวอักษรและหมายเลขประมาณ 26 ตัวด้วยกัน

2. ระบบ SWIFT

ระบบ SWIFT มีการก่อตั้งขึ้นมาในปี 1973 ยึดตามหลักกฎหมายของประเทศเบลเยียม เป็นระบบที่สถาบันการเงินทั่วโลกได้มีการใช้กัน เป็นระบบที่สามารถส่งข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยด้วยระบบโค้ดที่เป็นไปตามมาตรฐาน ระบบ SWIFT มีการออกแบบร่วมกับองค์กรทางภาคการเงินอื่น ๆ ที่มีการใช้โค้ดในทางที่แตกต่างกันออกไป ปกติแล้วจะมีการใส่รหัสประมาณ 8-11 ตัวด้วยกัน

เป้าหมายของระบบ SWIFT มีการออกแบบเพื่อให้มีการแชร์ข้อมูลระหว่างธนาคารต่าง ๆ ที่เป็นข้อมูลการเงินที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสถานะของบัญชี, การใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตและรายละเอียดเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน 

ทั้งระบบ IBAN กับ SWIFT มีจุดเด่นตรงที่การทำธุรกรรมที่น่าเชื่อถือและโอนเงินข้ามประเทศอย่างรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับธนาคารแต่ละแห่งว่าจะมีระบบรองรับการโอนเงินข้ามชาติได้ดีมากน้อยแค่ไหนประกอบด้วย

ข้อมูลจาก : investopedia.com

ภาพจาก : irishtimes.com