ธนาคารกลางสหรัฐ เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นปี 66 กดดันดาวโจนส์ร่วง 265.66 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่ได้ส่งสัญญาณในเดือนมี.ค.ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,033.67 จุด ลดลง 265.66 จุด หรือ -0.77%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,223.70 จุด ลดลง 22.89 จุด หรือ -0.54% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,039.68 จุด ลดลง 33.17 จุด หรือ -0.24%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ เฟดระบุว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี FOMC ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่ได้ส่งสัญญาณในเดือนมี.ค.ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567
ทั้งนี้ ในรายงาน dot-plot ระบุว่า กรรมการเฟด 13 รายคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ขณะที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีดังกล่าว และมีเพียง 5 รายคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดปี 2566 ขณะที่ 7 รายคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปี 2565
ขณะเดียวกัน FOMC ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 3.4% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ระดับ 2.4% แต่แถลงการณ์ของเฟดระบุว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อเป็นปัจจัยเพียงชั่วคราว
คณะกรรมการเฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 7% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ระดับ 6.5% และคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวที่ 3.3% ในปี 2565 นอกจากนี้ เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 สู่ระดับ 2.4% จากเดิมที่ระดับ 2.2%
ดาเนียล อัน นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพี พาริบาส์ กล่าวว่า ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมวานนี้ว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และกรรมการเฟดจะยังคงหารือกันในเรื่องนี้ต่อไปจนกว่าจะตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐจะขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%