"ไบเดน" คว้าชัย ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ2020
ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ พรรครีพลับรีกัน และคู่ชิงจากพรรคเดโมแครต นายโจ ไบเดน ที่สู้กันมาตั้งแต่เกมการหาเสียง และลุ้นผลการนับคะแนนในรัฐสมรภูมิที่พลิกไปพลิกมา และชนะกันแบบรดต้นคอ ทำให้พื้นที่บางรัฐได้กลายเป็นปัจจัยชี้ขาดผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เริ่มลงคะแนน ในวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน และเริ่มมีผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการบางส่วนออกมาให้ทราบ ก่อนที่จะนำคะแนนไปรวมกับคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ต่อไป
-------------
อัพเดทผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯล่าสุด
สนับสนุนข้อมูลรายงานการนับคะแนนเลือกตั้งสหรัฐ ปี ค.ศ.2020 โดย สำนักข่าว VOA (Voice of America)
==========
วันที่ 8 พ.ย. (เวลาประเทศไทย)
โจ ไบเดน ได้รับชัยชนะ !!!
เช้าของวันที่ 8 พ.ย.(ตามเวลาประเทศไทย) สื่อหลายสำนักทั่วโลก รายงานไปในทิศทางเดียวกัน ตั้งแต่ในช่วงดึกของคืนวันเสาร์ว่า ผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในปี 2020 เป็นอันยุติแล้ว โดย นายโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งในรัฐเพนซิลเวเนีย ได้คะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 20 คะแนน ทำให้เขาได้คะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 273 คะแนน เฉือนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน 214 คะแนน.
ขณะเดียวกันผลการนับคะแนนล่าสุด จากรายงานของสื่อชั้นนำ พบว่า
- FOX News รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 290 : ทรัมป์ 214
- CNN รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 279 : ทรัมป์ 214
- VOAThai รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 279 : ทรัมป์ 214
นอกจากนี้ หลายผู้นำชาติพันธมิตรชาติสำคัญและใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ ร่วมแสดงความยินดีกับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน แล้ว แม้ โดนัลด์ ทรัมป์ จะยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ก็ตาม
ทั้งนี้ เยอรมนี แคนาดา และฝรั่งเศส ซึ่งมีความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นนักกับรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของทรัมป์ แม้จะเป็นสมาชิกกลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี 7) และสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เป็นชาติแรกๆ ที่ออกมาให้การรับรองชัยชนะของนายไบเดน หลังจากสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ของสหรัฐประกาศชัยชนะดังกล่าว
วันที่ 6 พ.ย. (เวลาประเทศไทย)
8.35 น. ทรัมป์โวย! มิชิแกน-จอร์เจียไม่รับฟ้องให้หยุดนับคะแนน
- ขณะนี้การชิงชัยทางการเมืองเพื่อเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังไม่สิ้นสุด เพราะคะเเนนในหลายรัฐยังใกล้เคียงกันมากในบรรดารัฐเหล่านั้น ทนายของฝ่ายทรัมป์ต้องการให้ยุติการนับคะเเนนการเลือกตั้งในรัฐมิชิแกนและเพนซิลเวเนีย และกล่าวหาเจ้าหน้าที่ในรัฐจอร์เจียว่ากระทำผิดเรื่องการนับบัตรทางไปรษณีย์ที่มาถึงล่าช้า รวมถึงขอให้นับคะเเนนใหม่ในรัฐวิสคอนซิน
- จับตา 5 รัฐสมรภูมิชี้ขาดผลเลือกตั้ง 'ไบเดนนำ 2 - ทรัมป์นำ 3' โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนำใน 3 รัฐทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ คือ รัฐเพนซิลเวนีย รัฐจอร์เจีย และรัฐนอร์ธแคโรไลนา ขณะที่อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคะแนนนำในสองรัฐทางภาคใต้ คือรัฐแอริโซนา และรัฐเนวาดา
- ผู้พิพากษารัฐเพนซิลเวเนียอนุญาตให้ทีมแคมเปญของทรัมป์เข้าสังเกตการณ์การนับคะแนนอย่างใกล้ชิด (ในระยะ 6 ฟุต) ตามคำขอ
วันที่ 5 พ.ย. (เวลาประเทศไทย)
14.00 น. โจ ไบเดน สร้างสถิติใหม่ กลายเป็นผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน โดยขณะนี้ ได้รับคะแนนเสียงไปแล้ว 72,125,883 เสียง คิดเป็น 50.35% ของจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับการนับคะแนนไปแล้ว ทำลายสถิติเดิมของอดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา ที่เคยได้รับคะแนนเสียงมากถึง 69,498,516 เสียง
นี่คือวิธีการนับคะแนนในเพนซิลเวเนีย
Here's how the votes are being counted in Pennsylvania https://t.co/SEv1nsZPWy
— ออป ซอย5 (@oopsoi5) November 5, 2020
12.00 น. เจ้าหน้าที่ รัฐจอรร์เจีย ระบุว่าบัตรเลือกตั้งมากกว่า 90,000 ใบยังไม่ได้นับ
- FOX News รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 264 : ทรัมป์ 214
- CNN รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 253 : ทรัมป์ 213
- VOAThai รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 253 : ทรัมป์ 213
วันที่ 4 พ.ย. (เวลาประเทศไทย)
เกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา รายงานผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ล่าสุดพบว่า
16.55 น. สรุปจำนวนรัฐที่แต่ละคนได้รับชัยชนะ ได้ดังนี้
โดนัลด์ ทรัมป์:
อินเดียนา, เคนทักกี, เวสต์เวอร์จิเนีย, อาร์คันซอ, เทนเนสซี, มิสซิสซิปปี, เซาท์แคโรไลนา, นอร์ทดาโคตา, เซาท์ดาโคตา, ไวโอมิง, เนแบรสกา, แคนซัส, แอละแบมา, โอคลาโฮมา, โอไฮโอ, ฟลอริดา, ไอดาโฮ, ยูทาห์, มิสซิสซิปปี, มิสซูรี, ลุยเซียนา, ไอโอวา
โจ ไบเดน:
เวอร์จิเนีย, เวอร์มอนต์, แมริแลนด์, วอชิงตัน ดี.ซี., โรดไอแลนด์, นิวเจอร์ซีย์, แมสซาชูเซตส์, คอนเนตทิคัต, นิวยอร์ก, โคโลราโด, นิวเม็กซิโก, เดลาแวร์, มินนิโซตา, อิลลินอยส์
(ทั้งนี้เป็น ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 13.20 น. โดยคะแนนของ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังตีตื้นขึ้น จากการได้รับชัยชนะจากหลายรัฐที่เป็น Swing state /อ้างอิง AP)
ขณะนี้ยังเหลือการนับคะแนนที่ รัฐแอริโซนา รัฐมิชิแกน รัฐจอร์เจีย รัฐเนวาดา รัฐอลาสกา รัฐฮาวาย รัฐเมน รัฐนอร์ธแคโรไลนา รัฐเพนซิลเวเนีย และ รัฐวิสคอนซิน โดยรัฐ Swing state ที่กำลังนับคะแนนกันอยู่ ได้แก่ รัฐแอริโซนา รัฐมิชิแกน , รัฐจอร์เจีย และ รัฐเนวาดา
นอกจากนี้ นายไบเดน วัย 77 ปี กล่าวต่อบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตผ่านการถ่ายทอดสดทั่วประเทศจากบ้านเกิดที่เมืองวิลมิงตันในรัฐเดลาแวร์ว่า เขาเชื่อมั่นว่าจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่ผลการนับคะแนนยังไม่สิ้นสุดจนกว่าจะนับทุกคะแนนเสียง
ส่วน ทรัมป์ ได้ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า เรากำลังได้รับชัยชนะ แต่พวกเขาพยายามโกงการเลือกตั้ง
ทำให้ทวิตเตอร์ได้ขึ้นคำเตือนและซ่อนข้อความของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างรวดเร็ว โดยระบุว่า เนื้อหาในข้อความดังกล่าวก่อให้เกิดความขัดแย้งและอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในการเลือกตั้งและการดำเนินคดีทางแพ่ง
ขณะที่เฟซบุ๊กขึ้นคำเตือนในโพสต์ดังกล่าวของผู้นำสหรัฐเช่นกัน โดยกล่าวว่า ผลการนับคะแนนเลือกตั้งในท้ายที่สุดอาจแตกต่างจากผลการนับคะแนนในเบื้องต้น เนื่องจากการนับคะแนนจะยังคงดำเนินต่อไปอีกเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ และว่า ข้อความของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีหลักฐานยืนยันในประโยคที่ว่า พวกเขาพยายามโกงการเลือกตั้ง
16.30 น. "ไบเดน" ชนะคะแนนในรัฐแอริโซนา รัฐที่เป็นพื้นที่ของรีพับลิกันมายาวนาน ได้คะแนนคณุผู้เลือกตั้ง คว้า (electoral vote) จำนวน 11 คะแนน ยังคงลุ้นผลการเลือกตั้งต่อไป ขณะเดียวกัน มีข่าวว่า โดนัล ทรัมป์ จากพรรครีพลับรีกัน ได้ประกาศชัยชนะ ทั้งที่คะแนนยังนับไม่จบ
- FOX News รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 238 : ทรัมป์ 213
- CNN รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 224 : ทรัมป์ 165
- VOAThai รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 220 : ทรัมป์ 130
12.48 น.
- FOX News รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 237 : ทรัมป์ 210
- CNN รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 215 : ทรัมป์ 165
- VOAThai รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 205 : ทรัมป์ 130
11.57 น. สถานการณ์เริ่มสูสี เมื่อ Foxnews รายงานข่าวว่า โดนัล ทรัมป์ ชนะคะแนนในรัฐจอร์เจีย ที่มีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 16 คะแนน โดยรายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- FOXNews รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 223 : ทรัมป์ 204
- CNN รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 205 : ทรัมป์ 114
- VOAThai รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 205 : ทรัมป์ 100
11.13 น. Foxnews รายงานข่าวว่า โดนัล ทรัมป์ ชนะคะแนนในรัฐฟอริด้า ที่มีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 29 คะแนน รัฐนี้เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรครีพลับรีกัน ในการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ สมัยที่แล้ว โดยครั้งนี้ ทรัมป์ ในนามพรรครีพลับรีกัน ยังคงเก็บชัยชนะได้อยู่ เพราะหากพ่ายในรัฐนี้ไป อาจทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เห็นตัวผู้แพ้ชนะทันที
11.10 น.
- FOX News รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 207 : ทรัมป์ 148
- CNN รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 192 : ทรัมป์ 108
- VOAThai รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 188 : ทรัมป์ 82
10.22 น.
- FOX News รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 129 : ทรัมป์ 94
- CNN รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 89 : ทรัมป์ 94
- VOAThai รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 73 : ทรัมป์ 26
- FOX News รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 91 : ทรัมป์ 73
- CNN รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 89 : ทรัมป์ 54
เกาะติดนับคะแนนสด! เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 กับสถานีโทรทัศน์ TNN16 รายงานการนับคะแนนเบื้องต้น
- ไบเดน 85 : ทรัมป์ 55
- ประธานาธิบดีทรัมป์ ชนะที่รัฐอินเดียน่า และรัฐเคนตักกี้
- โจ ไบเดน ชนะที่รัฐเวอร์มอนต์
- จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง ทรัมป์ 19 : ไบเดน 3
วันที่ 3 พ.ย.
เกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ผ่าน VOATHAI รายงานว่า
23:10
- คูหาเลือกตั้งเปิดแล้วเกือบทุกแห่งทั่วประเทศ
- ปธน.ทรัมป์ กล่าวในรายการ “Fox & Friends” ว่าตนจะประกาศชัยชนะ หากแน่ใจว่าผลการเลือกตั้งวันนี้ชี้ชัดว่าตนเป็นฝ่ายชนะ
- นายโจไบเดนกล่าวว่าตนจะประกาศชัยชนะเมื่อสื่อต่างๆรายงานว่าตนได้รับคะแนนจากผู้แทนการเลือกตั้งเกิน 270 คน ตามรายงานของ Axios ที่อ้างอิงจากที่ปรึกษาคณะหาเสียงของไบเดน
- รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯกล่าวว่ายังไม่มีปัจจัยบ่งชี้ว่า "ต่างชาติ" ประสบความสำเร็จในการแทรกแซงการเลือกตั้งครั้งนี้
21:28
- คูหาเลือกตั้งส่วนใหญ่ในรัฐทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯเริ่มเปิดให้ลงคะแนนเมื่อเวลา 7.00 น.
- โจไบเดนปรากฎตัวที่รัฐเพนซิลเวเนียในช่วงเช้าวันอังคารก่อนเดินทางกลับไปยังรัฐเดลาแวร์เพื่อรอฟังผลการเลือกตั้ง
- ปธน.ทรัมป์ เดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของคณะหาเสียงของตนชานกรุงวอชิงตัน ก่อนเดินทางกลับไปยังทำเนียบขาว และให้สัมภาษณ์กับรายการข่าว “Fox and Friends”
ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจความนิยมล่าสุด ตามเว็บไซต์ Real Clear Politics พบว่า ทรัมป์และไบเดน ได้คะแนนเท่ากันในรัฐฟลอริดา แอริโซนา และนอร์ธแคโรไลนา ขณะที่ปธน.ทรัมป์ ตามหลังอดีตรองปธน.ไบเดน ในรัฐมิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ส่วนผลสำรวจทั่วประเทศ พบว่า อดีตรองปธน.ไบเดน ยังนำปธน.ทรัมป์ อยู่ราว 7-8 เปอร์เซนต์
จนถึงขณะนี้ ชาวอเมริกันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วกว่า 92 ล้านคน เกินกว่า 60% ของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ทั้งหมดในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมีชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิ์ 138.8 ล้านคน โดยผู้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าราว 20 ล้านคนในปีนี้เป็นผู้ที่ไม่เคยออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมาก่อน
ตามข้อมูลของ U.S. Election Project คาดว่าชาวอเมริกันจะออกมาใช้สิทธิ์มากกว่า 150 ล้านคน ในการเลือกตั้งปีนี้ หรือราว 65% ของคนอเมริกันผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908
==========
รัฐธรรมนูญสหรัฐ มาตรา 2 ระบุว่า บุคคลที่จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐต้องเป็นพลเมืองสหรัฐโดยกำเนิด มีอายุ 35 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเป็นผู้พำนักในสหรัฐอย่างน้อย 14 ปี ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีตรงแบบมองหาการเสนอชื่อของพรรคการเมืองต่าง ๆ ของสหรัฐ
โดยแต่ละพรรคมีวิธีการของตน (เช่น การเลือกตั้งขั้นต้น) เพื่อเลือกผู้สมัครที่พรรคเห็นว่าเหมาะสมลงรับสมัครเลือกตั้ง การเลือกตั้งขั้นต้นปกติเป็นการเลือกตั้งโดยอ้อมโดยผู้ออกเสียงเลือกตั้งของแต่ละพรรคลงคะแนนเลือกรายชื่อผู้แทนที่จะส่งสมัครรับเลือกตั้งที่จะเลือกผู้สมัครคนหนึ่ง ๆ
จากนั้นผู้แทนของพรรคจะเสนอชื่อผู้สมัครให้ลงรับเลือกตั้งในนามของพรรคอย่างเป็นทางการ ผู้เสนอชื่อประธานาธิบดีตรงแบบเลือกผู้ร่วมสมัครรับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งผู้แทนพรรคจะให้สัตยาบัน การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤศจิกายนก็เป็นการเลือกตั้งโดยอ้อมเช่นกัน ซึ่งผู้ออกเสียงเลือกตั้งลงคะแนนให้สมาชิกคณะผู้เลือกตั้ง แล้วผู้เลือกตั้งเหล่านี้จะเลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีโดยตรง
==========
สรุปขั้นตอนการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ประมาณหนึ่งปีก่อนการเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากสองพรรคการเมืองใหญ่คือ พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันจะเริ่มกิจกรรมรณรงค์หาเสียงโดยจะตั้งคณะทำ งานและเริ่ม “ออกเดินทางปราศรัย” ทั่วประเทศเพื่อหาเสียงสนับสนุนและระดมทุนสำหรับการรณรงค์หาเสียง
การโต้วาที
ในช่วงแรกของการรณรงค์หาเสียง ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากทั้งสองพรรคจะปราศรัยโต้วาทีถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ในระหว่างการโต้วาที ผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่ละคนจะต้องตอบคำถามยากๆ เกี่ยวกับนโยบายของพวกเขา รวมทั้งต้องแก้ต่างจุดยืนของตนในประเด็นและนโยบายต่างๆ
การประชุมขั้นต้นและการประชุมคอคัส
การประชุมขั้นต้นและการประชุมคอคัสซึ่งเป็น การลงคะแนนเสียงที่สำคัญเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ การประชุมนี้นำไปสู่การเลือกตัวแทนซึ่งจะไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ระดับ ประเทศของพรรค รัฐที่ได้รับความสนใจมากคือ ไอโอวา นิวแฮมป์เชียร์ เนวาดา และเซาท์แคโรไลนา ซึ่งผลการเลือกตัวแทนของรัฐเหล่านี้มักจะชี้ว่าใครจะได้รับเสนอชื่อเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ผู้ร่วมหาเสียง
ราวเดือนกรกฎาคม ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีจะเริ่มประกาศว่าใครจะเป็น “Running Mate หรือ ผู้ร่วมหาเสียง” ซึ่งคือผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีหากผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งคน นั้นๆ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
การประชุมใหญ่ของพรรคการเมือง
ในการประชุมใหญ่ระดับประเทศของพรรค ตัวแทนระดับรัฐจากการประชุมขั้นต้นและการประชุมคอคัสที่ได้รับเลือกจาก ประชาชนจะให้การ “รับรอง” ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีที่พวกเขาชื่นชอบ และเมื่อการประชุมใหญ่สิ้นสุดลง พรรคการเมืองก็จะออกประกาศอย่างเป็นทางการว่า พรรคได้เสนอชื่อบุคคลใดเป็นตัวแทนของพรรคลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
คณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
คณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นกระบวนการที่ “ผู้เลือกตั้ง” หรือตัวแทนจากแต่ละรัฐซึ่งจะมีจำนวนเป็นสัดส่วนกับจำนวนประชากรของรัฐลง คะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี ผู้เลือกตั้งทั้งหมดมีจำนวน 538 คน ซึ่งได้รับเลือกตามนโยบายของแต่ละรัฐ ผู้ที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากผู้เลือก ตั้งไม่ต่ำกว่า 270 เสียง
การเลือกตั้งทั่วไป
เมื่อคนอเมริกันไปคูหาเลือกตั้งในวันที่ 8 พฤศจิกายน พวกเขาจะเลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีพร้อมผู้สมัครดำรงตำแหน่งรอง ประธานาธิบดีคนที่ตนชื่นชอบ ในทุกรัฐยกเว้นรัฐเมนและเนแบรสกา หากผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใดได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่จากประชาชน ในรัฐ ผู้สมัครคนนั้นจะได้คะแนนผู้เลือกตั้ง (electoral vote) ทั้งหมดของรัฐนั้นๆ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ได้รับคะแนนเสียงจากผู้เลือกตั้งมากที่ สุดจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
==========
ในการเมืองสหรัฐฯ เรามักได้ยินคำว่า "รัฐสีแดง" และ "รัฐสีน้ำเงิน" ที่นำมาใช้อธิบายรัฐที่คนส่วนใหญ่ลงคะแนนให้พรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครต แต่เคยสงสัยไหมว่าการใช้สีสองสีนี้ มีที่มาจากไหน?
สนับสนุนข้อมูลรายงานการนับคะแนนเลือกตั้งสหรัฐ ปี ค.ศ.2020 โดย สำนักข่าว VOA (Voice of America)
==========
สถิติย้อนหลัง
8 พฤศจิกายน 2559 | ||
ผู้ใช้สิทธิ | 55.7% | |
Nominee | โดนัลด์ ทรัมป์ | ฮิลลารี คลินตัน |
พรรค | พรรคริพับลิกัน | พรรคเดโมแครต |
รัฐเหย้า | รัฐนิวยอร์ก | รัฐนิวยอร์ก |
คู่สมัคร | ไมก์ เพนซ์ | ทิม เคน |
---|---|---|
คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง | 304 | 227 |
รัฐที่ชนะ | 30 + ME-02 | 20 + DC |
6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 | ||
ผู้ใช้สิทธิ | 58.2% | |
---|---|---|
Nominee | บารัก โอบามา | มิตต์ รอมนีย์ |
พรรค | พรรคเดโมแครต | พรรครีพับลิกัน |
รัฐเหย้า | รัฐอิลลินอยส์ | รัฐแมสซาชูเซตส์ |
คู่สมัคร | โจ ไบเดน | พอล ไรอัน |
คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง | 332 | 206 |
รัฐที่ชนะ | 26 + ดี.ซี. | 24 |
4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 | ||
ผู้ใช้สิทธิ | 61.6% | |
---|---|---|
Nominee | บารัก โอบามา | จอห์น แมคเคน |
พรรค | พรรคเดโมแครต | พรรครีพับลิกัน |
รัฐเหย้า | รัฐอิลลินอยส์ | รัฐแอริโซนา |
คู่สมัคร | โจ ไบเดน | ซาราห์ แพลิน |
คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง | 365 | 156 |
รัฐที่ชนะ | 28 + ดี.ซี. + เนบราสกา เขต 2 | 22 |
++++++++++