คุณหรือเปล่า ? เดอะแบกหนี้ วิกฤตคนรุ่นใหม่ "First Jobber" เริ่มต้นชีวิต เริ่มต้นหนี้

เริ่มมีงาน = เริ่มชีวิต หรือ เริ่มกู้เงิน ? คนรุ่นใหม่กำลังแบกหนี้ครัวเรือน สร้างหนี้จากการบริโภคเป็นหลัก
ดร. รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ กล่าวเอาไว้ในงานเสวนา 'หนี้ครัวเรือนไทย: ความเปราะบางที่ต้องจับตา' ในงาน Thailand Focus 2025: Beyond the Challenges เปิดเผยว่า "หนี้ครัวเรือน" เป็นปัญหาหลักของประเทศไทย จากากรทำวิจัยของแบงก์ชาติ พบว่า คนไทยเป็นหนี้มากถึง 38% ของประชากรทั้งหมด เฉลี่ยประมาณ 5 แสนบาทต่อคน หากรวมหนี้นอกระบบเข้าไปอีก เชื่อว่าตัวเลขจะพุ่งสูงขึ้นมากกว่านี้ และ 1 ใน 4 ของคนที่เป็นหนี้ กำลังประสบปัญหาการชำระหนี้
โดยกลุ่มที่น่าห่วง คือ คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber) อายุ 22-29 ปี เนื่องจากเป็นหนี้ถึง 50% ของทั้งหมด รวมไปถึงกลุ่มหนี้ในวัยเกษียณ เป็นผู้สูงวัยซึ่งไม่มีงานทำแล้ว แต่ยังมีภาระใช้จ่ายหนี้อยู่ และหนี้สินส่วนใหญ่ที่กู้ยืมมานั้น เป็นหนี้จากการบริโภคเป็นหลัก ไม่ใช่หนี้จากการทำธุรกิจ
เปิดสาเหตุทำไมคนไทยเป็นหนี้เยอะ
แบงก์ชาติมองว่าส่วนหนึ่งมาจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้หนี้สูงขึ้น และนอกจากนี้คนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นหนี้ อาจจะยังขาดความรู้ทางการเงิน ขาดความรู้และความสามารถในการบริหารจัดการหนี้ ประเมินรายได้ของตนเองกับความสามารถในการชำระหนี้ไม่เป็น ไม่ถูกต้อง
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไทยเองก็เติบโตช้า รายได้จึงฟื้นตัวช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกหลังยุคโควิด-19 ก่อให้เกิดภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้น หลายครอบครัวที่ต้องเจ็บป่วยหรือตกงาน และหันไปพึ่ง ไปกู้ยืมเงินจากนอกระบบเอามาหมุนใช้เพื่อความอยู่รอด และกลายเป็นการสร้างวงจรหนี้ที่เลวร้ายขึ้นมา
แนวทางแก้ไขหนี้ครัวเรือน
แบงก์ชาติได้พยายามช่วยเหลือด้วยการให้ข้อมูลเรื่องหนี้ครัวเรือนให้มากขึ้น รวมทั้งการเข้าถึงกลุ่มผู้ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน และผู้ให้ยืมเองก็ต้องให้ข้อมูลที่โปร่งใสกับลูกหนี้มากขึ้น และช่วยเหลือด้านข้อมูลในการจัดการทางการเงินเมื่อมีหนี้ครัวเรือนเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ในขณะเดียวกันแนวทางในการแก้ไขปัญหา ด้วยการเอาหนี้นอกระบบกลับเข้ามาเป็นหนี้ในระบบ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นความท้าทายที่สำคัญ เพราะต้องมีการแก้ไขกฎเกณฑ์และข้อกฎหมายหลายประเด็น
ดร.รุ่ง กล่าวอีกว่า การดำเนินนโยบายการเงินของแบงก์ชาติ ท่ามกลางสถานการณ์หนี้ ณ ตอนนี้จะยังคงผ่อนคลายต่อไป ไม่ได้มุ่งเน้นไปพียงแค่อัตราดอกเบี้ยนโยบายหลักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงดอกเบี้ยของธนาคาร และการลดความเสี่ยงด้านเครดิตสำหรับผู้ให้กู้
มีการทำงานร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อหาแผนระยะยาวสำหรับการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับสินเชื่อ เพื่อการปรับโครงสร้างและการค้ำประกันสินเชื่อเ พื่อช่วยเหลือบริษัทที่อ่อนแอ และได้ออกมาตรการทางการเงินหลายอย่าง เพื่อบรรเทาภาระหนี้สำหรับกลุ่มเป้าหมายแล้ว
ขณะเดียวสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คือ การเพิ่มรายได้ให้กับประชากร เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้ได้อย่างยั่งยืน การลดสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ควรมาจากการมีรายได้ที่สูงขึ้น นอกจากนี้ล่าสุด ประเทศไทยกำลังจะมีธนาคารไร้สาขา (Virtual Banks) เปิดให้ผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในระบบ คาดว่าจะมีการลงทุน วิเคราะห์ข้อมูล และให้บริการแก่กลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบได้อีกด้วย
สินเชื่อส่วนบุคคลโตแรง ทิศทางของหนี้เสียก็ยังคงเป็นขาขึ้น
ข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร พบว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายนของปี 2568 ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนประมาณ 13.5 ล้านล้านบาท โดย ดร.ลัษมณ อรรถาพิช ผู้จัดการใหญ่เครดิตบูโร เปิดเผยว่า ในหนี้ทั้งหมด แบ่งเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) หรือหนี้เสีย ซึ่งหมายถึงหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน อยู่ประมาณ 10.4% ของจำนวนบัญชีทั้งหมด และอยู่ที่ประมาณ 9% ของจำนวนเงินคงค้างทั้งหมด และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งหนี้เสียส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในสินเชื่อส่วนบุคคล ตามด้วยสินเชื่อรถยนต์ แต่ที่น่ากังวล คือ หนี้เสียของสินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ดร.ลัษมณ มองว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนในประเทศไทยมีสาเหตุหลักมาจาก รายได้ และ โครงสร้างทางเศรษฐกิจ ซึ่งทางเครดิตบูโรเชื่อว่าข้อมูลจะเป็นตัวช่วยในการบริหารความเสี่ยงแบบใหม่ได้ โดยไม่เพียงแค่ป้องกัน NPLs แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการให้ความช่วยเหลือ แก่ประชาชน และเพิ่มสุขภาพทางการเงินของคนในสังคมให้ดีขึ้น
ความเห็นจากประธานสมาคมธนาคารไทย นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้จำนวนหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น คือ รายได้ต่ำกว่าความจำเป็นที่คนจะต้องใช้เงิน และหากเราไปเจาะดูข้อมูลเรื่องช่วงอายุกับหนี้ครัวเรือนประเภทต่างๆ จะเห็นว่ากลุ่มคนอายุน้อย เช่น กลุ่มผู้ที่เริ่มทำงานจะมีหนี้จากการผ่อนรถ และหนี้จากการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุด ในทางกลับกันกลุ่มผู้สูงอายุหรือวัยหลังเกษียณจะมีหนี้จากดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อที่อยู่อาศัยมากกว่า
ข้อมูลเรื่องหนี้นอกระบบ ธนาคารกรุงไทยได้ร่วมมือกับ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการสำรวจ พบว่า หนี้นอกระบบของไทยอาจจะมีมูลค่าสูงกว่าจีดีพีทั้งหมด และพบว่าเศรษฐกิจนอกระบบในไทย มีสัดส่วนสูงมากถึง 48% เยอะที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และทำให้การสำรวจข้อมูลเรื่องหนี้ของคนไทยอาจจะทำได้ไม่ครอบคลุม
ขณะเดียวกันข้อมูลรายได้ของประเทศ หรือจีดีพีของไทย ยังคงมาจากบริษัทและกลุ่มลงทุนขนาดใหญ่ที่คิดเป็นเพียง 1% ของผู้ประกอบการทั้งหมดของประเทศ แต่มีรายได้ถึง 65% ของจีดีพีทั้งหมด จึงเห็นได้ว่าเกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้อย่างชัดเจน
ทางออก คือ รัฐบาลต้องเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน
ขณะที่แนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง และปัญหาความเปราะบางทางการเงินของคนไทยนั้น มีแนวทางหลัก ๆ 5 ประการได้แก่
1. การแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐแ ละสถาบันการเงิน แนวทางแก้ปัญหาและทิศทางการตลาด ครบถ้วนและรอบด้าน
2. ความยุติธรรมหรือความเท่าเทียม อัตราดอกเบี้ยและจำนวนเงินที่ให้ยืม ต้องมีความโปร่งใสและเป็นธรรม
3. การแบ่งระดับอย่างชัดเจน ไม่ก้าวก่ายกัน
4. การแข่งขันเสรี มีการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลอย่างเป็นกลาง
5. การกู้ยืมที่มีคุณภาพ ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและโปร่งใส่แก่ผู้กู้ยืม เหมาะสม ผ่อนชำระไหว
นอกจากนี้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ พร้อมไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้ภาคประชาชน รวมถึงดึงลูกหนี้นอกระบบเข้ามาสู่ระบบมากขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
