รีเซต

คณะกรรมการโรคติดต่อฯไฟเขียวให้เอกชน ร่วมจัดหาวัคซีนโควิด-19

คณะกรรมการโรคติดต่อฯไฟเขียวให้เอกชน ร่วมจัดหาวัคซีนโควิด-19
TNN ช่อง16
11 มกราคม 2564 ( 15:06 )
182
คณะกรรมการโรคติดต่อฯไฟเขียวให้เอกชน ร่วมจัดหาวัคซีนโควิด-19

วันนี้ (11ม.ค.64) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว หลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมมีการแต่งตั้ง อนุกรรมการอำนวยการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่จะมาขับเคลื่อนการทำงานรูปแบบการฉีดวัคซีนในครั้งนี้ หลังจากที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ได้กำหนดกลุ่มคนที่จะได้รับ ปริมาณการฉีดวัคซีนไว้แล้ว รวมถึงที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนเตรียมพร้อมการฉีดวัคซีน 

นอกจากนี้ ยังมีเป็นการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ในการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยให้ได้ครอบคลุมเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งหลักการที่จะนำวัคซีนมาใช้ให้กับคนไทยมีหลักสำคัญ 2 ประการ  คือ ต้องมีผลพิสูจน์ว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพจริง ซึ่งจะมีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คอยกำกับดูแล โดยไม่ได้มีการปิดกั้นการขึ้นทะเบียนวัคซีนแต่อย่างใด แต่ปัญหาอยู่ที่ กระบวนการการขึ้นทะเบียนของบริษัทนำเข้า ที่ต้องการให้เรากำหนดจำนวนวัคซีนก่อน 

บริษัทที่จะเอาวัคซีนเข้ามาต้องมายื่นเอกสารหลักฐาน เพื่อให้อย.ได้พิสูจน์ โดยคณะกรรมการ ว่าวัคซีนนั้นมีความปลอดภัย โดยตอนนี้มีการยื่นขอขึ้นทะเบียนมา 1 ราย จากนั้นถ้าบริษัทไหนที่ขึ้นทะเบียนแล้วผ่านความเห็นชอบจากอย. ทางโรงพยาบาลเอกชน ก็สามารถนำวัคซีนเข้ามาได้ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาดปกติ  

ส่วนรัฐบาลก็ได้มีการเจรจาจัดซื้อวัคซีนตามที่เป็นข่าว ซึ่งความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการนำวัคซีนเข้ามาให้คนไทยได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ราคาวัคซีนของภาคเอกชนจะมีราคาสูงกว่าภาครัฐ เนื่องจากทางรัฐบาลมีการสั่งซื้อเป็นจำนวนมากราคาก็จะถูก  ส่วนบริษัทที่นำเข้ามานอกจากขายรัฐบาลแล้วในราคาถูก ก็จะมีการกันวัคซีนบางส่วนที่จะขายในราคาสูงขึ้นให้กับภาคเอกชน ราคาจะไม่เท่ากันแน่นอน เพราะภาคเอกชนมีการซื้อจำนวนที่น้อยกว่า

สำหรับวัคซีนที่จะถูกกระจายมายังโรงพยาบาลเอกชน เบื้องต้น จะต้องผ่านการขึ้นทะเบียน จากอย.ก่อน จึงจะทำการติดต่อเพื่อนำมาใช้ ขั้นตอนนี้อาจจะใช้ระยะเวลา 2-3 เดือน แต่ต้องขึ้นอยู่กับความจำเป็นของประเทศในการใช้วัคซีน ซึ่งต้องให้รัฐบาลนำวัคซีนมาใช้ในกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเสี่ยงก่อน ถ้ากลุ่มเสี่ยงพอเพียง แล้วเหลือพอที่จะให้กลุ่มที่ไม่เสี่ยงหรือเสี่ยงน้อยกว่าก็ค่อยมาพิจารณากันอีกที


 เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com 
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live 
twitter : TNNONLINE 
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE 
Instagram : TNN_ONLINE 
TIKTOK : @TNNONLINE

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง