รีเซต

‘ฝีดาษลิง’ เดือนพ.ค.ป่วยพุ่ง 21 ราย แนะ 3 ข้อ ใครเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง

‘ฝีดาษลิง’ เดือนพ.ค.ป่วยพุ่ง 21 ราย แนะ 3 ข้อ ใครเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง
TNN ช่อง16
2 มิถุนายน 2566 ( 09:24 )
72
‘ฝีดาษลิง’ เดือนพ.ค.ป่วยพุ่ง 21 ราย แนะ 3 ข้อ ใครเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง

วันนี้ ( 2 มิ.ย. 66 )นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า โรคฝีดาษลิง เป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ของประเทศไทย พบผู้ป่วยรายแรกเมื่อเดือนก.ค. 65 ปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยรวม 43 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่โรคนี้ป้องกันได้โดยการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ประชาชนสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้สงสัยฝีดาษลิง หรือผู้ป่วยฝีดาษลิง หรือมีผื่น/ตุ่มสงสัย ดังนี้


1. มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยฝีดาษลิง ทางช่องทางดังต่อไปนี้ อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือปาก

2. ทำความสะอาดห้อง หรือใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยฝีดาษลิงขณะผู้ป่วยมีอาการ

3. เคยดูแลผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยฝีดาษลิงขณะป่วย ให้สังเกตภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีอาการ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต เช่น บริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ เจ็บคอ คัดจมูก หรือไอ มีผื่น มีตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือทวารหนัก หรือบริเวณรอบๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก หากมีอาการให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานบริการสุขภาพ หรือโรงพยาบาล โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงทันที


ทั้งนี้ มีวิธีป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิง เช่น หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีผื่น ตุ่ม หรือหนอง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด รวมทั้งแนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น


ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือเครือข่ายที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน เช่น รพ. รพสต. คลินิกเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม สถานประกอบการสุขภาพ ประเภทสปา เป็นต้น ในการประชาสัมพันธ์ความรู้ และคำแนะนำในการสังเกตอาการโรคฝีดาษลิงสำหรับประชาชน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในการป้องกันโรคฝีดาษลิงแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงร่วมดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมโรคฝีดาษลิง ตามแนวทางเฝ้าระวังสอบสวนโรคและควบคุมการระบาดโรคฝีดาษลิง


ข้อมูลจาก  : กระทรวงสาธารณสุข

ภาพจาก : AFP

ข่าวที่เกี่ยวข้อง