ไบเดนฟาดจีนแรง คว่ำบาตรการทูตโอลิมปิก2022 ปมล้างเผ่าพันธุ์
เอพี รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศยืนยันมาตรการคว่ำบาตรทางการทูตต่อจีน ในมหกรรมโอลิมปิก ฤดูหนาว 2022 ที่กรุงปักกิ่ง เพื่อประท้วงที่จีนยังเดินหน้าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างมหันต์และล้างเผ่าพันธุ์ในมณฑลซินเจียง
มาตรการดังกล่าวเป็นเรื่องที่จีนปรามไว้ก่อนว่า หากมีขึ้นจริง จะต้องถูกตอบโต้ด้วยมาตรการที่สมน้ำสมเนื้อตามมา ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีระหว่างสองชาติมหาอำนาจ
น.ส.เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า นักกีฬาของสหรัฐอเมริกาจะร่วมแข่งขันในโอลิมปิก ฤดูหนาวได้ต่อไป โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มกำลัง แต่รัฐบาลจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมหกรรมครั้งนี้ จะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลหรือตัวแทนทางการทูตคนใดไปร่วม
“นักการทูต หรือตัวแทนเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่อาจปฏิบัติต่อมหกรรมนี้เหมือนเป็นธุรกิจทั่วไป ในขณะที่เผชิญกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำอันโหดร้ายของจีนในซินเจียง เรามีคำมั่นสัญญาพื้นฐานที่ต้องส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เรารู้สึกถึงหน้าที่นี้อย่างจริงจัง และเราจะเดินหน้าปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างสิทธิมนุษยชนในจีนและนอกเหนือจากนั้น" โฆษกหญิงกล่าว
กรุงปักกิ่งของจีนจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวในเดือนก.พ. 2565 ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนและสมาชิกสภาพรรครีพับลิกันต่างเรียกร้องให้รัฐบาลเดโมแครตของนายไบเดนบอยคอตมหกรรมนี้ ในสิ่งที่จีนปฏิบัติต่อชาวมุสลิมอุยกูร์ในซินเจียง อีกทั้งยังปราบปรามผู้ประท้วงในฮ่องกงอย่างหนัก พร้อมดำเนินนโยบายแข็งกร้าวต่อทิเบตและไต้หวัน
การตัดสินใจดังกล่าวมาพร้อมกับงานที่สหรัฐเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยในรูปแบบการประชุมออนไลน์ที่เชิญ 110 ประเทศเข้าร่วมวันที่ 9-10 ธ.ค.นี้ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา ปฏิรูป ปกป้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
นายโรเบิร์ต เมเนนเดซ ประธานคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า การคว่ำบาตรทางการทูตดังกล่าวเป็นขั้นตอนที่จำเป็นที่จะแสดงให้เห็นคำมั่นสัญญาของสหรัฐต่อเรื่องสิทธิมนุษยชนในการเผชิญกับรัฐบาลจีนที่ละเมิดสิทธิโดยไร้จิตสำนึก
"ผมขอให้พันธมิตรและหุ้นส่วนของเรา ร่วมหลักการนี้กับสหรัฐอเมริกาในการคว่ำบาตรทางการทูตด้วยกัน" ส.ว.เมเนนเดซ กล่าว หลังจากออสเตรเลียส่งสัญญาณว่าอาจจะใช้มาตรการเดียวกันนี้กับจีน
ด้านนายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า การกระทำนี้เป็นการยั่วยุทางการเมืองที่จะต้องถูกตอบโต้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจีนจะตอบโต้อย่างไรบ้าง