รีเซต

โจ ไบเดนทุ่มงบ 30,000 ล้าน ขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

โจ ไบเดนทุ่มงบ 30,000 ล้าน ขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
TNN ช่อง16
20 มิถุนายน 2566 ( 18:37 )
84

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศทุ่มงบ 930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 32,000 ล้านบาท ให้กับโครงการเปิดใช้งานโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์มิดเดิลไมล์ (Enabling Middle Mile Broadband Infrastructure Program) ของกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา


ขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพิ่มโอกาสให้ประชาชน 

โครงการดังกล่าวมีจุดประสงค์ คือการขยายความสามารถในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าบริการราคาแพงสำหรับเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งงบประมาณที่โครงการได้รับจะถูกนำไปใช้สำหรับการติดตั้งสายเคเบิลใยแก้วนำแสงใหม่มากกว่า 12,000 ไมล์ หรือประมาณ 19,000 กิโลเมตร ใน 35 รัฐ รวมถึงประเทศเปอร์โตริโกที่เป็นเครือรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย


การติดตั้งสายเคเบิลใยแก้วนำแสงใหม่จะไปช่วยขยายการเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตของคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ (Federal Communications Commission) ซึ่งเป็นบริการอินเทอร์เน็ตบ้านในราคาย่อมเยาว์จากรัฐฯ โดยมีส่วนลด 30 - 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือประมาณ 1,000 - 2,600 บาทต่อเดือน


สำหรับเงินทุนก้อนนี้จะถูกจัดสรรให้กับบริษัทเอกชนด้านการโทรคมนาคม ซึ่งแต่ละบริษัทจะมีเวลา 5 ปี ในการทำงานตามโครงการของตนให้สำเร็จ โดยปัจจุบันมีบริษัทเอกชนกว่า 260 แห่ง ส่งคำร้องขอรับทุนภายใต้โครงการดังกล่าว ซึ่งคิดรวมเป็นมูลค่ากว่า 7,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 259,000 ล้านบาท


โดยทางประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังได้ออกมาทวีตผ่านบัญชีทวิตเตอร์ด้วยว่า “อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น นั่นเป็นเหตุผลที่ฝ่ายบริหารของผมลงทุนขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในราคาย่อมเยาเพื่อปิดช่องว่างทางดิจิทัล”

ผลพลอยได้จากโครงการ 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ยังหวังด้วยว่าโครงการนี้จะสร้างผลกระทบในทางที่ดีด้านเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ในชนบท รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ห่างไกลให้มีความปลอดภัยมากกว่าเดิม เนื่องจากพื้นที่ชนบทมักประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง เช่น ไฟป่า, น้ำท่วมและพายุ


ข้อมูลจาก U.S. Department of Commerce

ภาพจาก Reuters



ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง