รีเซต

SIRIโครงการลักซ์ซัวรีทำเงิน ครึ่งปีหลังโอนกระฉูด

SIRIโครงการลักซ์ซัวรีทำเงิน ครึ่งปีหลังโอนกระฉูด
ทันหุ้น
30 พฤษภาคม 2566 ( 13:40 )
62

SIRI เผยครึ่งปีหลังเตรียมโอนโครงการระดับลักซ์ชัวรี มาร์จิ้นสูงกว่า 5 โครงการ หนุนผลงานทพนิวไฮโตแกร่ง โชว์ยอดขาย 5 เดือนอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท

 

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2566 บริษัทยังมียอดโอนต่อเนื่องจากโครงการในระดับลักซ์ชัวรีที่มีมาร์จิ้นสูงและได้รับการตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา ตอกย้ำผู้นำตัวจริงในตลาดลักซ์ชัวรีไทย จากความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ ทั้งคุณภาพโครงการ รวมถึงความเข้าใจในตัวตนและรสนิยมการอยู่อาศัยที่แท้จริง

 

โดยแนวโน้มอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการบันทึกรายได้จากการขายที่สูงขึ้นจากโครงการระดับลักซ์ชัวรีที่มีการโอนต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา อาทิ นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท, คอนโดมิเนียม XT พญาไท มูลค่าโครงการ 9,860 ล้านบาท

 

รวมถึงจะมีการบันทึกรายได้จากโครงการใหม่ในระดับลักซ์ชัวรี ที่เตรียมเปิดตัวพร้อมโอนในปีนี้ ได้แก่ นาราสิริ พหล – วัชรพล, บูก้าน 3 โครงการใหม่ ได้แก่ บูก้าน กรุงเทพกรีฑา, บูก้าน พัฒนาการ และบูก้าน เหม่งจ๋าย ที่เตรียมพัฒนาเป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนในไตรมาส 4 รวมทั้งยอดโอนจากบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริ 10 โครงการใหม่อีกด้วย” นายอุทัย กล่าว

 

นอกจากนี้ แสนสิริยังประสบความสำเร็จในกลุ่มแบรนด์คอนโดราคาเข้าถึงง่ายจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ อาทิ เดอะมูฟ บางนา, เดอะมูฟ บางแค, ดีคอนโด พนา และเฮย์ หัวหิน ขณะที่ “NIA by Sansiri” (เนีย บาย แสนสิริ) มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท คอนโดมิเนียมจากซีรี่ย์ One of a Kind Project ที่รวบรวมแบรนด์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวและโดดเด่นด้านโลเคชั่น สะท้อนชัดตามคอนเซ็ปต์ของโครงการ ‘One step closer แค่ใกล้…ก็ได้เปรียบ ใกล้ทุกที่ ชีวิตก็เลยดีทุกด้าน ที่เตรียมเปิดตัวพร้อมขาย พร้อมโอน ในเดือนกันยายนนี้ จะช่วยเสริมยอดโอนและกำไรให้สูงขึ้นด้วย

 

ซึ่งเมื่อรวมกับแผนรุกธุรกิจในการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ความต้องการ และแรงหนุนจากการขายกิจการโรงเรียนสาธิตพัฒนา ที่รับรู้กำไรพิเศษ (หลังภาษี) ในไตรมาสที่ผ่านมาอีกประมาณ 400 – 500 ล้านบาท พร้อมลุ้นกำไรพิเศษจากการทำโครงการรูปแบบ Joint Venture ในไตรมาสที่เหลือ ทำให้คาดว่าจะผลักดันกำไรสุทธิปี 2566 ของแสนสิริให้ทำ New High ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

 

“อัตราการเติบโตของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการประสบความสำเร็จด้านการขายจากการตอบรับในแบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ในระดับไม่เกิน 18-19% รวมถึงการบริหารงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพให้กับลูกค้า ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรและสร้างรายรับให้มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้นด้วย โดยแสนสิริมียอดขายล่าสุดในรอบ 5 เดือนอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท ซึ่งจะดันสู่กำไรสุทธิปี 2566 ให้เติบโตไปถึงระดับ 40-50%” นายอุทัย กล่าว

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง