รีเซต

ตลาดโลกเริ่มหายใจโล่ง! ความหวังเฟดลดดอกเบี้ย หุ้นไทยยังทรง

ตลาดโลกเริ่มหายใจโล่ง! ความหวังเฟดลดดอกเบี้ย หุ้นไทยยังทรง
ทันหุ้น
14 พฤศจิกายน 2568 ( 06:35 )
17

#ทันหุ้น-ดัชนี Dow Jones ปิดบวกกว่า 326 จุด หรือราว +0.68% โดยยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่นอกเหนือไปจากแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่าหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐ ใกล้กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง หลังจากหยุดทำงานยาวนานกว่าหนึ่งเดือน  นอกจากความคืบหน้าทางการเมืองแล้ว ปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐ ยังมาจากการประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหลายบริษัท โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีอย่าง AMD ที่เปิดเผยแนวโน้มรายได้เติบโตต่อเนื่องจากความต้องการในธุรกิจ Data Center ซึ่งส่งสัญญาณว่าภาคเทคโนโลยียังมีแนวโน้มขยายตัวดีในปีหน้า

เช่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2  หลังนักลงทุนยังมีความหวังว่า ความขัดแย้งทางงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐ จะสิ้นสุดลงในไม่ช้า โดยสถานการณ์ดังกล่าวที่ยืดเยื้อมานาน ได้สร้างความกังวลต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งยังรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่มีบทบาทสำคัญในการดันดัชนี CAC ของฝรั่งเศส และ IBEX ของสเปน ให้ขยับขึ้นเด่นกว่าตลาดอื่นๆ ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความคาดหวังที่เฟดอาจใช้ท่าทีผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น หากข้อมูลแรงงานสหรัฐ ส่งสัญญาณอ่อนแรง ยังคงเป็นแรงเสริมสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้เปิดในแดนลบ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เลือกชะลอการลงทุน ท่ามกลางภาวะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ มีจำกัดส่งผลให้ตลาดขาดข้อมูลชี้นำสำคัญในการประเมินทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนักลงทุนในภูมิภาคหันมาเฝ้าระวังท่าทีของเฟดเป็นพิเศษ เนื่องจากฤดูกาลรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐ ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว ขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่าข้อมูลเศรษฐกิจหลัก เช่น ตัวเลขการจ้างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนตุลาคมจะยังไม่ถูกเผยแพร่ในช่วงนี้ ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาดโลกในระยะสั้น

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ หลังจากดัชนีหลุดระดับ 1,300 จุด และอ่อนลงมาทดสอบบริเวณ 1,290 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มค้าปลีกและบริการที่ทยอยรายงานออกมา โดย CPALL รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,597 ล้านบาท (+17.6% YoY) แต่ยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันและยอดขายเฉลี่ยองร้านสาขาเดิมลดลงเล็กน้อย (-0.5% YoY) ขณะที่ CRC มีกำไรสุทธิลดลงอยู่ที่ 1,392 ล้านบาท (-38% YoY) สะท้อนภาพเศรษฐกิจในประเทศที่ยังเปราะบาง และภาคการบริโภคที่ชะลอตัวจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยรวมแล้ว ภาพรวมกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยยังอ่อนแอ ซึ่งอาจกดดันต่อแรงซื้อในตลาดหุ้นไทยระยะสั้นต่อไป

วันนี้มุมมอง GOLD Online Futures (GOZ25) indicators ระบุดังนี้ PBC (ภาพหมายเลข 1) แสดงถึงจำนวนเงินไหลเข้า / ออกสะสม และ PBC (ภาพหมายเลข 2) แสดงถึงจำนวนเงินไหลเข้า / ออกรายวัน วันนี้มีทิศทาง Sideway ดังนั้น จึงมองว่าระยะสั้นภายในวันยังคงเป็น Sideway

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง