MTC ปี 67 เป้าสินเชื่อโต 20% ลุ้นดบ.ผ่านจุดสูงสุดหนุน

#MTC#ทันหุ้น - MTC เคาะเป้าปี 2567 สินเชื่อทะยาน 20% จากปี 2566 รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว พร้อมควักงบราว 240 ล้านบาท ปั้นสาขาใหม่ทั่วไทย สยายปีกรับทรัพย์เพิ่ม แถมมองดอกเบี้ยพ้นจุดสูงสุด ชี้หนุนธุรกิจบริหารต้นทุนการเงินได้แจ๋วยิ่งขึ้น
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า เบื้องต้นในปี 2567 บริษัทคาดยอดสินเชื่อใหม่ขยายตัวประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปี 2566 เนื่องจากธุรกิจมีการทำตลาดลูกค้าใหม่เพิ่มเติม ประกอบกับมีการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง รวมทั้งธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิ์ภาพ
อย่างไรก็ดี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทตั้งเป้าตัวเลขปล่อยสินเชื่อในปี 2566 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เทียบปี 2565 เพราะภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่ดีขึ้น และธุรกิจมีการทำตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ประกอบการบริษัทมีการขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น
*ลุยอัพฐานทั่วไทย
โดยในปี 2567 ทาง MTC มีแผนเปิดสาขาใหม่ราว 600 สาขา ซึ่งน่าจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ยราว 400,000 บาทต่อสาขา หรือคิดเป็นงบราว 240 ล้านบาท โดยสาขาแห่งใหม่จัดตั้งกระจายในทำเลต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อขยายฐานลูกค้าและช่องทางสร้างรายได้ให้กว้างขึ้น ตลอดจนสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวอีกทางหนึ่ง
นายปริทัศน์ กล่าวเสริมว่า ในแง่ประเด็นที่หลายฝ่ายมองแนวโน้มดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วนั้นหากเป็นความจริง บริษัทมองถือเป็นประเด็นที่ส่งผลบวกต่อธุรกิจ เพราะช่วยสนับสนุนให้บริษัทสามารถบริหารจัดการเกี่ยวกับต้นทุนต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากพาร์ตเนอร์เพิ่มเติม หลังล่าสุดบริษัทได้ร่วมลงนามรับการสนับสนุนทางการเงิน จากบริษัทเพื่อการลงทุนและการพัฒนาแห่งเยอรมนี (DEG - Deutsche Investitions- und Entwicklungsgesellschaft mbH) และ ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC) ภายใต้กรอบวงเงิน 5,300 ล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้ารายย่อยของบริษัทได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนสนับสนุนการขยายธุรกิจสินเชื่อในระยะยาวต่อไป
นอกจากนี้ ในส่วนของหุ้นกู้ 2 ชุดใหม่ ที่เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน (เฉพาะบุคคลธรรมดา โดยให้บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ลงทุนสถาบันจองซื้อทั่วไปเท่านั้น) โดยเสนอขายระหว่างวันที่ 21-22 และ 25 ธันวาคม 2566 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 11 แห่ง วงเงินที่เสนอขาย 1,500 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน สามารถปิดการขายได้เต็มจำนวน ทางบริษัทจึงตัดสินใจนำหุ้นกู้สำรอง(Greenshoe option) ออกเสนอขายเพิ่มเติมอีก ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้มูลค่ารวม1,800 ล้านบาท
โดยหุ้นกู้ชุดที่1 มีอายุ 1 ปี 5 เดือน15 วัน โดยครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 อัตราดอกเบี้ยคงที่ระดับ4.25% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะมีระยะเวลา 2 เดือน 15 วัน ส่วนหุ้นกู้ชุดที่ 2 มีอายุ 2 ปี 5 เดือน 14 วัน ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในปี2569 และอัตราดอกเบี้ยคงที่ระดับ 4.40% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะมีระยะเวลา2 เดือน 14 วัน
อย่างไรก็ดี ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ในฐานะผู้นำสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ ของเมืองไทยที่ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส มีการเติบโตที่ยั่งยืน แข็งแกร่ง และเคียงข้างสังคมไทยมาตลอดกว่า 30 ปี โดยอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท และหุ้นกู้ระดับ Investment Grade ที่ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566
*โบรกมองเป้า 50บ.
บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด คาดกำไร ไตรมาส4/67F ของ MTC อยู่ที่ 1,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ จากค่าใช้จ่ายการขยายสาขา และการตลาดลดลง จากสาขาในปัจจุบันเกินเป้าไปแล้ว รวมกับโมเมนตัมของการตั้งสำรองที่ยังทรงตัวในระดับสูงราว 1.34 พันล้านบาท ด้าน YoY ปรับตัวขึ้น 14% ตามการขยายตัวของสินเชื่อ แต่แลกมาด้วย NIM ที่ปรับลดลงเหลือ14.7% จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
ส่วนภาพปี 2566-2567F ฝ่ายวิเคราะห์ ประเมินกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.85 พันล้านบาท ลดลง 5%YoY และ 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%YoY ตามลำดับ หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อ 18.5%YoY แนวโน้ม Credit cost ที่ลดลงและ ROE ที่คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดในปี 2566 ไปแล้ว
ฝ่ายวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” MTC ราคาเป้าหมายสิ้นปี 67F ที่ 50.00 บาท อิง PBV ที่ 2.77 เท่า (GGM: LT ROE 18%, Ke 14%) โดยแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งและเป็นในเชิงรุกแม้จะมุ่งเป้าไปในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ (มีหลักประกัน) เพื่อแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพลูกหนี้ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยการตั้งสารองที่ลดลง ส่วนด้านNIM มองว่าแรงกดดันด้านต้นทุนทางการเงินลดลง จากการสิ้นสุดวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้กำไรสุทธิกลับมาเติบโตเด่น