รีเซต

[รีวิวเกม] ‘Star Ocean: The Second Story R’ รีเมกตำนาน RPG ตะลุยอวกาศ

[รีวิวเกม] ‘Star Ocean: The Second Story R’ รีเมกตำนาน RPG ตะลุยอวกาศ
แบไต๋
10 พฤศจิกายน 2566 ( 15:03 )
43
[รีวิวเกม] ‘Star Ocean: The Second Story R’ รีเมกตำนาน RPG ตะลุยอวกาศ

สำหรับแนวทางการนำความคลาสสิกกลับาขายใหม่ในยุคนี้คือกราฟิกแบบ HD-2D เพราะมีการนำมาใช้คืนชีพเกมยุค 90S ใหม่มาแล้วหลายเกมแถมประสบความสำเร็จอย่างมากเช่นเกม ‘Live A Live’ หรือ ‘Dragon Quest 3’ ที่กำลังสร้าง แต่เนื่องจากมันมีการออกกราฟิกแบบนี้มาหลายเกมทำให้มันอาจจะดูธรรมดาไม่สดใหม่เหมือนตอนเปิดตัวใหม่ ๆ แล้ว

แต่การมาของเกม ‘Star Ocean: The Second Story R’ อาจจะไม่ธรรมดาเพราะตั้งแต่เปิดตัวกราฟิกมันดูแปลกตาและเหมือนว่าไม่ได้มาแนวทาง HD-2D อีกทั้งมันเป็นการกลับมาครั้งที่ 3 แล้ว เพราะต้นฉบับจริง ๆ มันคือเกมบน PS1 ที่ออกวางขายในยุค 90S ที่นับเป็นภาค 2 ของซีรีส์ แต่เวอร์ชันที่เอามารีเมกแบบปรับกราฟิกใหม่เป็นภาคที่ออกบน PSP ในปี 2008 ถือว่าไม่ได้เก่าย้อนยุคจนเกินไป โดยเวอร์ชันล่าสุดวางขายบน PS4, PS5, Nintendo Switch และ PC

ส่วนเรื่องราวใน ‘Star Ocean: The Second Story R’ ยังคงเหมือนภาคหลักเพราะเป็นภาคสร้างกราฟิกใหม่ไม่ได้เขียนเรื่องราวใหม่ทั้งหมด โดยจะเกิดในปีอวกาศ S.D 366 (ค.ศ. 2452) ห่างจาก ‘Star Ocean’ ภาคแรก 20 ปี เราจะได้สวมบทบาทเป็น Claude C. Kenni ที่ได้รับภารกิจสำรวจดาวเคราะห์ Milokeenia ที่จะนำไปสู่การผญจภัยครั้งใหม่บนโลกที่เราไม่รู้จัก ส่วนของเนื้อเรื่องหากคุณเคยเล่นต้นฉบับมาแล้วอาจจะไม่มีอะไรให้ประหลาดใจนักแต่การนำเสนอด้วยภาพที่สดใหม่กว่าก็น่าจะทำให้เราอินกับเรื่องราวได้มากกว่าเดิม

กราฟิกสวยงามและดูดีกว่า HD-2D

ในตอนแรกคิดว่า ‘Star Ocean: The Second Story R’ จะมาในรูปแบบ HD-2D เพราะมันน่าจะง่ายกว่าเพราะเป็นกราฟิกของค่าย Square Enix ต้นสังกัดเอง แต่ทีมงานได้สร้างภาพแบบผสมผสานของเก่ากับของใหม่ขึ้นมา โดยทุกอย่างมีความละเอียดระดับ HD ที่มีความคมชัดและมีความคล้ายกับแบบ HD-2D ในของตัวละครที่เป็นพิเซลที่มีความคมชัดสูง

แต่ความโดดเด่นคือฉากในเกมที่สร้างออกมามีมิติ และมีความคล้ายกับแนว 2.5D เพื่อให้เข้ากับตัวละคร และทำออกมาได้ดีมากเพราะมีมิติและมีรายละเอียดประมาณหนึ่ง อาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่ากับเกมยุคใหม่ แต่ก็ถือว่าทำออกมาอยู่ในระดับได้ดีมาก ๆ แล้วและในฉากแผนที่หลักของเกมจะสามารถเปลี่ยนมุมกล้องได้ด้วย ส่วนเพลงประกอบก็ยกเอาของเดิมมาปรับแต่งใหม่ ที่บางธีมอาจจะดูเชยไปหน่อยแต่ก็เข้ากับแนวทาง RPG จากแดนปลาดิบได้อย่างไม่มีที่ให้ติ นอกจากนี้ยังมีเสียงพากย์มาเกือบตลอดทั้งเกมด้วยทำให้โดยรวมมันดูไม่เชย

รูปแบบการเล่น JRPG ที่มีการผสมแอ็กชันได้ลงตัว

หากคุณเคยเล่น ‘Star Ocean: The Second Story R’ มาก่อนแล้วบอกได้เลยว่าแทบไม่ต้องปรับตัวหรือเรียนรู้วิธีการเล่น เพราะมันก็เหมือนเดิมที่มาแนว RPG แบบคลาสสิกที่เข้าใจง่าย เพราะมีฉากหลักเป็นโลกใบใหม่ให้เราสำรวจและมีแผนที่กว้าง ๆ ที่ออกแบบมาดี ส่วนฉากในหมู่บ้านหรือดันเจี้ยนถือว่าดูง่ายเพราะแม้ฉากจะถูกจำกัดมุมกล้องทำให้ดูง่ายไม่หลงทาง

และสำหรับแฟนเกมรุ่นใหม่ที่ชอบอะไรเร็ว ๆ ง่าย ๆ ไม่คิดเยอะไม่ต้องกังวลเพราะการนำเนื้อเรื่องจะมีจุดบอกบนแผนที่ว่าไปทำอะไรทีไหนตลอดทำให้ไม่หลงทาง และยังมีโหมดง่ายมาให้เลือกเล่นด้วยแต่ก็ไม่ได้ง่ายจนเกินไป เพราะมันยังคงมีความท้าทายให้สมผัสอยู่ ส่วนแฟนตัวจริงก็สามารถเลือกแบบปรกติหรือเล่นแบบยากเพื่อความท้าทายแบบจัดเต็มก็ได้

ระบบต่อสู้สนุกเหมือนเดิม

ส่วนจุดเด่นของซีรีส์นี้ตั้งแต่ภาคแรกคือฉากต่อสู้ ที่แม้จะมีการตัดเข้าฉากเมื่อเราเดินชนศัตรูในแผนที่เหมือนเกม RPG ทั่วไป แต่เมื่อเข้าสู่ฉากต่อสู้แล้วจะเหมือนว่ามันะเป็นเกมแอ็กชัน เพราะผู้เล่นจะสามารถกดบังคับตัวละครให้เดินและโจมตีได้โดยตรงเลย และยังมีการปล่อยท่าไม้ตายหรือเวทมนตร์ได้ และผู้เล่นยังสามารถปรับปุ่มกดได้ตามใจชอบทำให้เกิดเป็นคอมโบเทพ ๆ ที่โจมตีได้รุนแรงได้

ถือเป็นข้อดีตั้งแต่ต้นฉบับและทำให้การนำมาสร้างกราฟิกใหม่ดูไม่เชย เพราะผู้เล่นจะมานั่งเฉย ๆ ไม่ได้ต้องบังคับตัวละครต่อสู้ แต่จะบังคับได้แค่ 1 ตัวเท่านั้นแม้ว่าจะสลับไปเล่นตัวอื่นได้ เราจะควบคุมได้แต่ครั้งละตัวเท่านั้น ส่วนตัวละครอื่นจะเป็นระบบ AI ที่ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะให้มันต่อสู้แบบไหน เช่นห้ามใช้ MP ให้เน้นต่อสู้ด้วยอาวุธเป็นหลักก็ทำได้เช่นกัน แถมยังปรับแต่งได้ตลอดด้วย

และยังมาพร้อมกับระบบตัวละคร Assault ที่เป็นการนำตัวละครจากภาคอื่นมาร่วมสู้ด้วย แม้จะไม่สามารถบังคับได้โดยตรงแต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เพิ่มไม่มีในต้นฉบับด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบการสานสายสัมพันธ์แล้วจะส่งผลกับเกมเพลย์ในส่วนของฉากต่อสู้ที่จะมีการร่วมมือกันใช้ท่าไม้ตายที่รุนแรงมากได้ด้วย โดยรวมแล้วทำให้ฉากการต่อสู้ดูรวดเร็วอลังการแม้จะยังอยู่ในกรอบของ RPG แบบเดิม ๆ ก็ดูไม่เชยแถมยังโหลดเร็วอีกด้วย

ระบบปรับแต่งหลากหลายและเข้าใจง่าย

อีกส่วนที่ทำให้ ‘Star Ocean: The Second Story R’ ยังคงเล่นได้สนุกคือระบบปรับแต่งและอัปเกรดตัวละครที่เข้าใจง่าย แม้จะดูเชยไปบ้างเพราะโดยรวมคือ RPG ในยุค 90S แต่ความง่ายในการเข้าถึงทำให้มันไม่ใช่ข้อเสียหากเราทำความเข้าใจว่ามันคือเกมจากยุค 90S หลัก ๆ ของการเล่นยังมีการเก็บเลเวลผ่านการเก็บค่าประสบการณ์จากการต่อสู้กับศัตรู และยังเพิ่มรายละเอียดเช่นการเพิ่มค่าพลังตามส่วนที่ผู้เล่นต้องการเช่นเพิ่มพลังชีวิต หรือเพิ่มพลังโจมตี

นอกนั้นถือว่าเหมือนกับเกมทั่วไปเช่นระบบใส่อาวุธเครื่องป้องกันและใช้ยาเติมพลัง อย่างไรก็ตามหากมีแค่นี้มันคงน่าเบื่อ ทำให้มีการเสริมระบบสร้างไอเทมจากการเก็บวัตถุดิบในฉากเช่นแร่หายาก หรือการทำอาหารซึ่งถือว่าจำเป็นมากเพราะอาหารบางชนิดสามารถเติมพลังได้มากกว่ายาเสียอีก ปิดท้ายกับการเดินทางที่เนื่องจากการสำรวจโลกกว้าง ๆ ในยุคนี้อาจจะน่าเบื่อทำให้มีระบบเดินทางอย่างรวดเร็วเพื่อวาร์ปไปยังเมืองที่ผู้เล่นเคยไปมาแล้วได้ และยังมีมียานอวกาศให้ใช้เดินทางด้วย

การกลับมาของ ‘Star Ocean: The Second Story R’ ฉบับรีเมกปรับภาพใหม่ แม้ว่าจะเป็นการมาครั้งที่ 3 แล้วถือว่ายังคงน่าเล่นมาก แม้ว่าโดยรวมมันจะเหมือนกับเกมแนว RPG จากยุค 90S ที่อาจจะดูเชยสำหรับคอเกมยุคใหม่ที่โตมากับเกมยิง แต่เนื่องจากระบบการเล่นยังทำออกมาได้ดีไม่เชยมีความเป็นแอ็กชันสูงแต่ก็ไม่ทิ้งความเป็น RPG ทำให้หยิบมาเล่นในยุคนี้ก็ยังคงสนุก

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง