หมดโปรสายฟรี? Facebook ทดสอบจำกัดการโพสต์ลิงก์ภายนอก บีบครีเอเตอร์สมัคร Meta Verified หากอยากโพสต์เพิ่ม
ดูเหมือนว่ายุคสมัยแห่งการใช้อินเทอร์เน็ตแบบ "ฟรี" บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียกำลังถูกท้าทายอีกครั้ง เมื่อ Meta (บริษัทแม่ของ Facebook) เริ่มทดลองมาตรการใหม่ที่อาจสั่นสะเทือนวงการครีเอเตอร์และแบรนด์ออนไลน์ ด้วยการจำกัดสิทธิ์ในการโพสต์ลิงก์ออกไปนอกแพลตฟอร์ม เว้นแต่คุณจะยอมจ่ายเงินค่าสมาชิกรายเดือน
เกิดอะไรขึ้น? เมื่อการแปะลิงก์ไม่ใช่ของฟรีอีกต่อไป
รายงานข่าวล่าสุดจาก TechCrunch และการค้นพบโดย Matt Navarra ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์โซเชียลมีเดีย ระบุว่า Meta กำลังซุ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ "จำกัดจำนวนการโพสต์ลิงก์" บน Facebook
รายละเอียดของการทดสอบมีดังนี้:
- กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ใช้งานที่เปิดโหมดมืออาชีพ (Professional Mode) และ Facebook Pages
- ข้อจำกัด: ผู้ใช้กลุ่มนี้จะสามารถโพสต์ลิงก์ภายนอกได้เพียง "2 ลิงก์" เท่านั้น (คาดว่าเป็นโควตาต่อช่วงเวลาหนึ่ง หรือต่อเดือน ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดระยะเวลาที่ชัดเจน แต่เป็นการจำกัดปริมาณอย่างมีนัยสำคัญ)
- ทางออก: หากต้องการโพสต์ลิงก์มากกว่านั้น ผู้ใช้ต้องสมัครสมาชิก Meta Verified ซึ่งมีค่าบริการเริ่มต้นที่ $14.99 ต่อเดือน (ประมาณ 500-600 บาท)
- ข้อยกเว้น: กฎนี้ไม่นับรวมลิงก์ Affiliate บางประเภท และลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังแพลตฟอร์มในเครือ Meta เอง เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp รวมถึงลิงก์ที่แปะในช่องคอมเมนต์
ทางโฆษกของ Meta ได้ยืนยันเรื่องการทดสอบนี้ โดยระบุเหตุผลว่า "นี่เป็นการทดสอบในวงจำกัด เพื่อศึกษาว่าการมอบสิทธิ์ในการโพสต์ลิงก์ได้มากขึ้น จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสมาชิก Meta Verified ได้หรือไม่" โดยในขณะนี้กลุ่มสำนักข่าว (Publishers) ยังไม่ถูกรวมอยู่ในการทดสอบนี้
ทำไม Facebook ถึงทำแบบนี้?
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่มีนัยสำคัญทางธุรกิจและยุทธศาสตร์ของแพลตฟอร์มซ่อนอยู่ 3 ประการ:
- ต้องการรายได้ทางเลือก (Non-Ad Revenue) ในยุคที่รายได้จากโฆษณาเริ่มผันผวนและมีการแข่งขันสูง Meta พยายามผลักดันโมเดล Subscription (Meta Verified) อย่างหนัก การให้แค่เครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าอาจไม่ดึงดูดใจพอ พวกเขาจึงต้องหา "ฟีเจอร์ไม้ตาย" มาบีบให้คนยอมจ่าย และสำหรับครีเอเตอร์ การพาทราฟฟิกออกไปเว็บข้างนอกคือเรื่องคอขาดบาดตาย ดังนั้นนี่คือจุดเจ็บปวด (Pain Point) ที่ Meta เลือกเล่นงาน
- สงครามแย่งชิงเวลา (Attention Economy) จากรายงานความโปร่งใส (Transparency Report) ไตรมาสที่ 3 ของ Meta ระบุว่า 98% ของยอดการมองเห็น (Views) บนหน้า Feed ในสหรัฐฯ มาจากโพสต์ที่ "ไม่มีลิงก์" ข้อมูลนี้ชี้ชัดว่าอัลกอริทึมของ Facebook ไม่ชอบให้คนกดลิงก์ออกไปข้างนอกอยู่แล้ว นอกจากนี้ โดเมนปลายทางยอดฮิตที่มีการแปะลิงก์กันมากที่สุดคือ YouTube และ TikTok ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรง การจำกัดลิงก์จึงเป็นกำแพงกั้นไม่ให้ผู้ใช้ไหลออกไปหาคู่แข่ง และบังคับให้ครีเอเตอร์อัปโหลดวิดีโอหรือคอนเทนต์ลงบน Facebook โดยตรง (Native Content)
- ยุคแห่ง Walled Garden (สวนที่มีกำแพงล้อมรอบ) อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนจากระบบ "เว็บเปิด" (Open Web) ที่เชื่อมโยงถึงกันได้หมด กลายเป็นระบบปิดที่แต่ละแพลตฟอร์มพยายามขังผู้ใช้ไว้ข้างใน (Walled Garden) เหมือนที่ X (Twitter) เคยทำด้วยการลดการมองเห็นโพสต์ที่มีลิงก์ การทดสอบของ Meta ครั้งนี้คือการตอกย้ำเทรนด์ดังกล่าว
วิเคราะห์ผลกระทบ: ใครเจ็บ? ใครรอด?
หากมาตรการนี้ถูกนำมาใช้จริงทั่วโลก ผลกระทบจะเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง อย่างไรได้บ้าง:
- กลุ่มครีเอเตอร์และบล็อกเกอร์ (กระทบหนักสุด): สายเขียนบทความลงเว็บตัวเอง สายแปะลิงก์ YouTube หรือ Influencer ที่รับงานแปะลิงก์โปรโมตสินค้า จะเจอปัญหาใหญ่ทันที เพราะโควตาฟรีมีจำกัด การจะทำมาหากินต่อก็ต้องยอมจ่ายค่าสมาชิก ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ให้กับคนทำงาน
- SME และแบรนด์ขนาดเล็ก: เพจร้านค้าที่ต้องการดึงลูกค้าเข้าเว็บไซต์ E-commerce หรือ Shopee/Lazada จะทำงานยากขึ้น ต้องปรับตัวไปใช้วิธีอื่น หรือยอมจ่ายเงินให้ Meta
- พฤติกรรมผู้ใช้งาน: เราจะเห็นวัฒนธรรม "ลิงก์ในคอมเมนต์" (Link in comments) เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เพราะ Meta ยังอนุญาตให้แปะในคอมเมนต์ได้ (ในตอนนี้) แต่ก็แลกมาด้วยความไม่สะดวกของผู้ติดตามที่ต้องกดเข้าไปหาลิงก์เอง
- สำนักข่าว: แม้ตอนนี้ Meta จะบอกว่ายังไม่รวม Publisher แต่ในอนาคตไม่มีอะไรการันตี หากสำนักข่าวโดนจำกัดด้วย จะถือเป็นหายนะของการดึงทราฟฟิกข่าว และอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างแพลตฟอร์มและสื่อมวลชนอีกครั้ง
บทสรุป: สัญญาณเตือนให้เลิกพึ่งพา "บ้านเช่า"
ข่าวนี้คือสัญญาณเตือนภัยระดับสีแดงสำหรับคนทำออนไลน์ การที่ Meta พยายามเปลี่ยนฟีเจอร์พื้นฐานอย่าง "การโพสต์ลิงก์" (ซึ่งเป็นหัวใจของ World Wide Web) ให้กลายเป็น "ฟีเจอร์พรีเมียม" สะท้อนให้เห็นว่า ของฟรีบนโลกโซเชียลกำลังจะหมดไป
ในอนาคต ครีเอเตอร์และแบรนด์จะไม่สามารถใช้ Facebook เป็นเพียง "ทางผ่าน" เพื่อดึงคนเข้าบ้านตัวเองได้ง่ายๆ อีกต่อไป ทางเลือกจะเหลือเพียง 2 ทาง คือ 1. ยอมจ่ายเงินค่าผ่านทาง (Meta Verified) หรือ 2. ปรับตัวไปสร้างคอนเทนต์ที่จบในแพลตฟอร์ม และกระจายความเสี่ยงไปยังช่องทางอื่นๆ ที่ตนเองเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง (เช่น Website หรือ Newsletter) เพื่อไม่ให้ธุรกิจต้องพังทลายเพียงเพราะเจ้าของบ้านเช่าเปลี่ยนกฎกติกาครับ
Photo Credit : AI Generated