สหรัฐฯไฟเขียวฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 4 ชาวอเมริกันอายุ 50 ปีขึ้นไปและผู้มีภูมิอ่อนแอ

วันนี้ (30 มี.ค.65) สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ เอฟดีเอ (FDA) แถลงว่า ได้อนุมัติวัคซีนโควิด-19 เข็ม 4 ที่ผลิตโดยบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นา ให้กับชาวอเมริกันอายุ 50 ปีขึ้นไป และอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ขณะที่ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี (CDC) ยังไม่มีท่าทีออกมาเกี่ยวกับมาตรการวัคซีนล่าสุดของเอฟดีเอ
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้ที่ต้องการเข้าวัคซีนโควิดเข็ม 4 ควรเข้ารับวัคซีนหลังจากฉีดเข็ม 3 ไปได้อย่างน้อย 4 เดือนแล้ว
มาตรการด้านวัคซีนโควิดล่าสุดของเอฟดีเอ มีขึ้นในช่วงที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง จากการระบาดของโควิดโอมิครอนที่พุ่งสูงในช่วงฤดูหนาวของสหรัฐฯ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายจับตาการระบาดของโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ที่กำลังแพร่ระบาดในยุโรปและสหรัฐฯ ตอนนี้เช่นกัน
สำหรับอัตราการฉีดวัคซีนโควิดของชาวอเมริกันล่าสุด ประชากร ราว 2 ใน 3 ได้รับวัคซีนครบแล้ว คือ ได้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด 2 เข็ม จากไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค หรือวัคซีนโควิดชนิด 2 เข็มที่ผลิตโดยโมเดอร์นา หรือเข้ารับวัคซีนชนิด 1 เข็มของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ขณะที่ราวครึ่งหนึ่งของชาวอเมริกันผู้ได้รับวัคซีนครบ ที่ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิ หรือ บูสเตอร์ เข็มแรกไปด้วย
ในระหว่างการวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้หยุดยั้งการระบาดของโควิดโอมิครอน ที่แพร่กระจายในวงกว้างของอเมริกา แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ต่างย้ำว่า วัคซีนโควิด-19 มีประสิทธิผลในการช่วยให้ผู้ที่ติดเชื้อหลีกเลี่ยงอาการเจ็บป่วยรุนแรงหรือการเสียชีวิตจากโควิดได้
ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติการฉีดวัคซีนเข็มสี่ ให้กับประชาชนชาวอเมริกันทุกคน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ หากมีสัญญาณของผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ส่วนสถานการณ์การระบาดของโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ขณะนี้ กลายเป็นสายพันธุ์หลักในหลายพื้นที่ทั่วโลกแล้ว ตั้งแต่ในยุโรปไปจนถึงเอเชีย ขณะที่สหรัฐฯ หวั่นโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยนี้ เป็นคลื่นการระบาดระลอกใหม่ของสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ในสัดส่วนเกือบร้อยละ 86 ของผู้ติดเชื้อทั่วโลก และโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 สามารถแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าโอมิครอนดั้งเดิม BA.1 และ BA.1.1
อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในขณะนี้ ยังไม่พบแนวโน้มว่าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 จะทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ ในตระกูลโอมิครอน วัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับอนุมัติการใช้ในปัจจุบัน มีประสิทธิผลลดลงต่อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยนี้ และระดับการป้องกันไวรัสก็ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ทางหน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษ ระบุว่า ระดับการป้องกันไวรัส และป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ สามารถฟื้นฟูขึ้นได้ด้วยการเข้ารับวัคซีนกระตุ้นภูมิ.
ภาพจาก Reuters