TUอัพเป้ารายได้8% มีออเดอร์ล้นทะลัก
#TU #ทันหุ้น – TU ปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 2565 เป็นโต 7-8% จากเดิมคาดโต 4-5% รับดีมานด์ขยายตัว แถมควักงบ 6 พันล้านบาท ปรับปรุงโรงงาน ลงทุนธุรกิจโปรตีนไฮโดรไลเซส รวมถึงแผนร่วมทุนใหม่ๆ เสริมแกร่งธุรกิจ ส่วนแผนดันบริษัทลูก ITC เข้าตลาดหุ้นไทย คาดชัดเจนไตรมาส 4/2565
นายลูโดวิค การ์นิเยร์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินกลุ่ม บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ปี 2565 เพิ่มเป็นเติบโต 7-8% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ราว 1.41 แสนล้านบาท หลังช่วงไตรมาส 1/2565 มีรายได้ราว 3.65 หมื่นล้านบาท ประกอบกับมองทิศทางคำสั่งซื้อในช่วงที่เหลือปีนี้ยังดีขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรกีดี ในแง่ของงบลงทุนปี 2565 บริษัทวางไว้ประมาณ 6 พันล้านบาท แบ่งเป็นการปรับปรุงโรงงานและเครื่องจักร (รีโนเวต) ประมาณ 3 พันล้านบาท, ลงทุนธุรกิจโปรตีนไฮโดรไลเซส (Protein Hydrolysate) อยู่ที่ 900 ล้านบาทและที่เหลือใช้รองรับการร่วมทุนลงทุนกับพาร์ตเนอร์ในส่วนต่างๆ ที่ผ่านมาและมองหาโอกาสในการร่วมทุนใหม่ๆในอนาคตเพิ่มเติมด้วย
*ดันบริษัทลูกเข้าตลาด
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อนำบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และล่าสุดอยู่ในขบวนการโอนย้ายทรัพย์สินเพื่อให้บริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะเท่านั้นและคาดว่าจะเป็นบริษัทแห่งเดียวในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจสัตว์เลี้ยง 100% คาดได้เห็นความชัดเจนไม่เกินช่วงไตรมาส 4/2565
ขณะเดียวกันล่าสุดบริษัทได้มีการเข้าลงทุนใน บริษัท มาร่า รีนิวเอเบิลส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในประเทศแคนดา ซึ่งเป็นเงินลงทุนราว 10 ล้านดอลลาร์แคนาดา ซึ่งเงินลงทุนข้างต้นถือเป็นส่วนหนึ่งในรอบการระดมทุนจำนวน 39.5 ล้านดอลลาร์แคนาดา ที่มาร่าจัดขึ้น โดยไทยยูเนี่ยนและบริษัทชั้นนำอื่นๆ ได้ร่วมลงทุนเพื่อเร่งการขยายธุรกิจให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิมด้วย
*ครึ่งหลังเด่นเป้า 25 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง TU ว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น TU คาดกำไรครึ่งหลังปี 2565 จะเติบโตโดดเด่นจากครึ่งแรกปีนี้ หลังเริ่มเห็นแนววโน้มค่าระวางเรือและบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะอะลูมิเนียมปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบหลายเดือน ประกอบกับธุรกิจได้รับปัจจัยบจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเข้ามาช่วยสนับสนุน
อย่างไรก็ดี ล่าสุดทางทางผู้บริหารปรับเพิ่มเป้าการเติบโตรายได้ปี 2565 เป็นเติบโต 7-8% จากเดิมที่วางไว้ 4-5% หลังมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งฝ่ายวิเคราะห์มองทิศทางค่าขนส่งในช่วงที่เหลือปีนี้จะผ่อนคลายในทางที่ดี ซึ่งถือเป็นอีกแรงสนับสนุนธุรกิจ
ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าว ประกอบธุรกิจมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ระยะสั้นแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2565 อาจทรงถึงอ่อนตัวลง Q-Q และลดลง Y-Y จากฐานปีก่อนที่ค่อนข้างสูง และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น แม้จะถูกหักล้างได้บางส่วนจากการปรับขึ้นราคาสินค้า และได้อานิสงส์บวกจากบาทอ่อนค่า และคาดแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลัง น่าจะฟื้นตัวสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้น หลังต้นทุนค่าระวางและบรรจุภัณฑ์เริ่มมีแนวโน้มปรับลง ดังนั้นยังคาดกำไรสุทธิปี 2565-2566 ไว้ที่ 6.2 พันล้านบาท (-22.1% Y-Y) และ 7.46 พันล้านบาท (+19.6% Y-Y) ตามลาดับ ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์จึง ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น TU ให้ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท