“ไฟป่าฮาวาย”แรงสุด 100 ปี “เฮอริเคน-เอลนีโญ”เร่งไฟลามเหลือแต่ซาก
เป็นเวลา 9 วันแล้วสำหรับเหตุไฟป่ารุนแรงที่รัฐฮาวาย ที่ไฟป่าได้เผาทำลายพื้นที่ตั้งแต่ 8 ส.ค. ขณะที่ยอดเสียชีวิตล่าสุดวันนี้(17ส.ค.) เพิ่มขึ้น110 คน แต่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้เพียง 5 คน เนื่องจากสภาพผู้เสียชีวิตถูกไฟลวกทั่วร่างกายในระดับรุนแรง ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชจำนวนมาก พร้อมเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากสมาชิกในครอบครัวผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายอีกว่า 1,000 คน ทำให้มีการประเมินว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจสูงถึง 2-3 เท่า ส่วนการค้นหาและสำรวจความเสียหายมีอุปสรรค ทั้งความร้อนที่ยังคุกรุ่นใต้ซากที่ถูกเผาไหม้ รวมทั้งความไม่ปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร
ผู้ว่าการรัฐฮาวาย จอช กรีน เรียกไฟป่าครั้งนี้ว่า เป็น “เฮอริเคนไฟ” เมืองลาไฮนา ถูกเผาวอดเกือบทั้งเมือง “ไม่เหลืออะไร ยกเว้นความพังพินาศ” ส่วน โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศจะลงพื้นที่รัฐฮาวายในวันจันทร์หน้า (21 ส.ค.) ท่ามกลางกระแสวิจารณ์และความโกรธของประชาชน หลังไบเดน ตอบว่าไม่มีความเห็น เมื่อถูกผู้สื่อข่าวสอบถามถึงตัวเลขผู้เสียชีวิต
มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าครั้งนี้ลุกลามอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นก็คือกระแสลมแรงที่มาจากอิทธิพลของ "เฮอริเคนดอรา" ซึ่งในช่วงที่เกิดไฟป่า เฮอริเคนดอรา มีความรุนแรงระดับ 4 แม้ว่าเฮอริเคน จะอยู่ห่างจากหมู่เกาะฮาวายไปทางตะวันตกเฉียงใต้หลายร้อยไมล์ในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่แรงลมด้วยความแรงสูงมาก ด้วยความเร็วลมมาถึง 215-220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ส่งผลให้ไฟป่ายิ่งลุกลามอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งมาจากอากาศที่แห้งแล้งมากในปีนี้ ฮาวายอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก รับผลกระทบจาก “เอลนีโญ” โดยตรง พื้นที่ส่วนใหญ่แล้งกว่าปกติ บางส่วนรุนแรงมาก ซึ่งโลกร้อนมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งอากาศร้อนจัดทำให้เกิดไฟง่าย
ขณะเดียวกัน มีการฟ้องร้องบริษัทผู้ให้บริการไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในฮาวาย โดยให้เหตผุลว่า สายไฟฟ้าของทางบริษัทที่ล้มโค่นลงมา เป็นผลทำให้เกิดไฟป่าครั้งนี้ และบริษัทล้มเหลวในการตัดกระแสไฟ แม้ว่าสำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ จะประกาศเตือนถึงไฟป่าไว้ล่วงหน้าแล้ว
ส่วนอีกปัจจัยที่มีการตั้งข้อสงสัยและอยู่ระหว่างการสอบสวน ก็คือ ระบบไซเรนเตือนภัย ที่รัฐฮาวายมีระบบไซเรนเตือนภัยภายนอก สำหรับเตือนภัยสึนามิและภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ รวมเกือบ 400 จุด และในเกาะเมาวี มีไซเรนกลางแจ้ง 80 จุด ขณะที่ประชาชน ระบุว่าไม่ได้ยินเสียงเตือนภัย โฆษกสำนักงานบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน ของรัฐฮาวาย ระบุว่า ระบบเตือนภัยอื่น ๆ ทำงานตามปกติ เช่น การส่งข้อความเตือนภัยผ่านทางโทรศัพท์มือถือ การแจ้งเตือนทางวิทยุและโทรทัศน์
“ไซเรนเตือนภัย ใช้เตือนภัยสึนามิเป็นหลัก หากเปิดไซเรนประชาชนจะหนีขึ้นไปยังเนินหรือที่สูงที่ไฟป่ากำลังโหมไหม้” นี่เป็นเหตุผลที่ หัวหน้าสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินของเกาะเมาวี ที่ดูแลไซเรนเตือนภัย 80 แห่ง ชี้แจงถึงสาเหตุที่ไม่เปิดไซเรนเตือนภัยในเมืองลาไฮนา และบอกว่า แม้จะเปิดไซเรน คนส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ในบ้านติดเครื่องปรับอากาศก็จะไม่ได้ยินเสียงไซเรน และยังมีลมกระโชกแรงมากจนอาจกลบเสียงไซเรนได้
ไฟป่าครั้งนี้ได้เผาพื้นที่เมืองลาไฮนา ไปแล้วกว่า 5,000 ไร่ คาดว่าต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานนับปีและงบประมาณอาจสูงถึง 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 190,000 ล้านบาท ซึ่งหายนะครั้งนี้ แม้ว่าภัยธรรมชาติไม่อาจควบคุมได้ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และยังเป็นบทเรียนให้หน่วยงานมีความพร้อมในการรับมือ รวมไปถึงระบบเตือนภัยต้องมีประสิทธิภาพด้วย