ไทยยูเนี่ยน โชว์ผลงานปี64 กำไรโต28.3 % ยอดขายกว่า1.4 แสนล้าน
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดขายในไตรมาส 4 /2564 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 38,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1 % เนื่องจากธุรกิจอาหารทะเลแช่งแข็งและแช่เย็นที่ฟื้นตัวในสหรัฐอเมริกา ภายหลังมาตรการป้องกันโควิด-19 มีการผ่อนคลายและร้านอาหารและโรงแรมเริ่มทยอยเปิดให้บริการ นอกจากนี้ยอดขายจากหน่วยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจเพิ่มมูลค่ายังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้กำไรสุทธิของไทยยูเนี่ยนในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาทะยานขึ้นถึง 32.5 % อยู่ที่ 1,930 ล้านบาท แม้จะประสบสภาวะการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกก็ตาม โดยยอดขายธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2564 เติบโต 4.9 % เพราะมีการปรับขึ้นราคาขายสินค้า ส่วนยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นเติบโต 21 % จากการฟื้นตัวของธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม ขณะที่ยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและสินค้าเพิ่มมูลค่าเติบโตขึ้นถึง 27.2 % จากความต้องการสินค้าที่สูงขึ้นมากและฐานลูกค้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นายธีรพงศ์ กล่าวต่อว่า ผลประกอบการทั้งปี 2564 ไทยยูเนี่ยนทำผลงานยอดเยี่ยมเป็นประวัติการณ์ โดยมีกำไรสุทธิโต 28.3 % อยู่ที่ 8,013 ล้านบาท ยอดขายเพิ่มขึ้น 6.5 % อยู่ที่ 141,048 ล้านบาท ส่วนกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 9.9 % อยู่ที่ 25,727 ล้านบาท ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศปันผลงวดการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2564 ที่ 0.50 บาทต่อหุ้น รวมปันผลหุ้นตลอดปี 2564 อยู่ที่ 0.95 บาทต่อหุ้น
นายธีรพงศ์ กล่าวว่า ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด นอกจากไทยยูเนี่ยนจะบริหารธุรกิจให้ผ่านวิกฤตไปได้แล้ว ทีมผู้บริหารยังมองถึงการพัฒนาธุรกิจให้มีแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะต้องดำเนินธุรกิจท่ามกลางวิกฤตโควิด แต่ไทยยูเนี่ยนยังมองไปยังอนาคต โดยมีการลงทุนกลยุทธ์ทั้งในยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการเร่งการเติบโตในอนาคต โดย ตั้งบริษัท ไทยยูเนี่ยน ไลฟ์ไซเอนซ์ จำกัด ดูแลการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ส่งตรงถึงผู้บริโภค ซึ่งนับเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตเร็ว โดยมีแผนจะนำบริษัท ไอ-เทล จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกในปีนี้ อีกเริ่มก้าวสู่ Blue Finance โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับสินเชื่อและออกหุ้นกู้ที่ส่งเสริมความยั่งยืนรวม 27,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายระยะยาว ให้ 75 %ของเงินกู้ยืมระยะยาว ของบริษัทเป็น Blue Finance ภายในปี 2568 เพิ่มจาก 50 % ในปี 2564
” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ธุรกิจทั่วโลกต้องรับมือ บริษัทคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานทั่วโลกและดูแลสังคมและชุมชนในพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ ทั่วโลก ทั้งเอเชีย แอฟริกา ยุโรปและอเมริกา ให้แข็งแรงและปลอดภัย และปี 2565 คงเดินหน้าขยายธุรกิจเน้นเรื่องอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้นและธุรกิจใหม่ที่เพิ่มมูลค่า เช่น ส่วนประกอบอาหาร อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและโปรตีนทางเลือก เพื่อให้สอดรับกับตลาดที่เติบโตเร็วในธุรกิจเหล่านี้ ปีนี้ แม้ว่าจะยังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับทุกคน ทั้งอัตราเงินเฟ้อ การแพร่ระบาด ห่วงโซ่อุปทาน การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ไทยยูเนี่ยนจะยังเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อสร้างผลงานให้ได้ดีเหมือนปีที่ผ่านมา”นายธีรพงศ์ กล่าว