NER ออเดอร์แน่นโตยาว ผ่านจุดต่ำเล็งQ4 ฟื้นแรง

#NER #ทันหุ้น – NER มั่นใจผลงานไตรมาส 4/2568 ดีกว่าไตรมาสก่อน หลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/2568 ขณะที่ราคายางพาราเริ่มขยับ-คำสั่งซื้อล่วงหน้าถึงมีนาคม 2569 เดินหน้าขยายกำลังผลิตแตะ 818,000 ตันต่อปี พร้อมจับมือ กยท. บริหารผลผลิตยาง 2 แสนตันต่อปี หนุนรายได้เกษตรกรและเสถียรภาพตลาดระยะยาว โบรกเชียร์ซื้อมองโค้งท้ายฟื้นทั้งรายได้-กำไร รับดีมานด์ยางพารา-ต้นทุนลด คาดปันผล 8-9% ต่อปี เคาะพื้นฐาน 6.10 บาท
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคายางพาราเริ่มมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นตามดีมานด์ของตลาด จากภาวะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งตลาดในและต่างประเทศ อาทิ กลุ่มยานยนต์ (รวมยานยนต์ไฟฟ้าตามแผนสนับสนุนของภาครัฐ) การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มขยายตัวหนุนความต้องการใช้ยางในภาคก่อสร้าง ซึ่งบริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมไตรมาส 4/2568 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี และคาดการณ์ว่าผลประกอบการน่าจะดีกว่าไตรมาส 3/2568 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ ขณะที่ยอดขายคงใกล้เคียงเดิม โดยปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ล่วงหน้าถึงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2569 แล้ว ด้านราคาขายเริ่มดีขึ้นและมองว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
“ภาพรวมไตรมาส 4/2568 น่าจะดีขึ้นจากไตรมาส 3/2568 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว เพราะออเดอร์ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง และราคาขายก็ทยอยปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เป้าหมายทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน”
*ผนึกกยท.สร้างเสถียรภาพ
ด้านกำลังการผลิต พบว่ายังคงสามารถดำเนินการได้เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่โรงงานแห่งใหม่ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ภายในไตรมาส 4/2569 ภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 818,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 515,600 ตันขณะที่การขยายตลาดในต่างประเทศก็สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งอินเดีย จีน รวมถึงอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่จากสหรัฐ ที่คาดว่าจะมีออเดอร์ประมาณ 2,000 ตันต่อเดือน
อย่างไรก็ดี บริษัทยังได้รับผลดีจากการที่บริษัทได้เซ็น MOU กับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เพื่อความร่วมมือในการบริหารจัดการผลผลิตยางพาราอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกันสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โดยมีเป้าหมายรวบรวมผลผลิตยางพารา จำนวน 200,000 ตันต่อปี ภายใต้สัญญาความร่วมมือระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย พร้อมต่อยอดสู่การขยายกำลังการผลิตของโรงงานแห่งที่ 3 เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตได้อย่างมั่นคงอีกด้วย
*เคาะพื้นฐาน 6.10 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุถึง NER ว่า เบื้องต้น ยังคงคาดแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 4/2568 เพิ่มขึ้น YoY, QoQ จากคาดปริมาณการขายเพิ่มขึ้น ตามปัจจัยฤดูกาล และคำสั่งซื้อบางส่วนที่เลื่อนมาจากไตรมาส 3/2568 และคาดราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบลดลง นอกจากนี้ คาดรับรู้เงินเคลมจากประกันส่วนที่เหลือที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเข้ามาเพิ่มอีกราว 180 ล้านบาท ขณะที่บันทึกค่าเสียหายอัคคีภัยเต็มจำนวนแล้วในไตรมาส 3/2568
คงคำแนะนำ “Buy” และ Roll-Over ใช้ราคาเป้าหมาย ที่ 6.10 บาท ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER เพียง 4.5 เท่า อยู่ที่ระดับ -1SD และเป็นหุ้นปันผลสูงราว 8-9% ต่อปี อีกทั้งเป็นบริษัทที่ Net Margin สม่ำเสมอ 6-7% ในระยะ 5 ปีย้อนหลัง มองว่าบริหารจัดการได้ดีในอุตสาหกรรม ที่มีความผันผวน คงประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569 ที่ 2,024 ล้านบาทต่อ 2,112 ล้านบาท เติบโต +21%/+4% ตามลำดับ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
