รีเซต

จ่อเรียกสอบอีก 3 ครู ร่วมแก๊งดร. โกงสวมสิทธิ์คนละครึ่ง รับได้ค่าจ้าง 50 บาท

จ่อเรียกสอบอีก 3 ครู ร่วมแก๊งดร. โกงสวมสิทธิ์คนละครึ่ง รับได้ค่าจ้าง 50 บาท
ข่าวสด
10 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:05 )
120
จ่อเรียกสอบอีก 3 ครู ร่วมแก๊งดร. โกงสวมสิทธิ์คนละครึ่ง รับได้ค่าจ้าง 50 บาท

ตร.เตรียมออกหมายเรียก "ครูอ้อ-ครูนิด-ครูพี้" ร่วมขบวนการสวมสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน เข้าสอบปากคำ เผยได้ค่าจ้างรายละ 50 บาท

 

 

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 10 ก.พ.64 ที่สภ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีชาวบ้านในพื้นที่ อ.หนองเรือ กว่า 500 ราย ถูกว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์ ข้าราชการครูใน อ.หนองเรือ พร้อมพวกอีก 4 ราย หลอกชาวบ้านนำบัตรประจำตัวประชาชนไปสวมสิทธิ์ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

 

 

โดยให้เงินจำนวน 200 บาทกับชาวบ้าน โดยในวันนี้มีชาวบ้านใน ต.ยางคำ อ.หนองเรือ ที่ถูกสวมสิทธิ์ต่างทยอยเดินทางมาให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน สภ.หนองเรือ และแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ ครูอ้อ ครูนิด และครูพี้ ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นครูอัตราจ้าง ที่มีพฤติกรรมหลอกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ยางคำ ด้วยการนำเลขบัตรประจำตัวประชาชนไปให้กับว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ เพื่อสวมสิทธิ์ลงทะเบียนทั้ง 2 โครงการ

 

 

พล.ต.ท.ยรรยง กล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.บ้านฝางและขยายผลตรวจสอบพบที่ อ.หนองเรืออีกกว่า 500 ราย พร้อมทั้งพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งเป็นครูอัตราจ้างในพื้นที่ อ.หนองเรือ ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับดร.ภูผาภูมิ ที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ โดยในวันนี้ทีมสอบสวนจะเร่งสอบปากคำชาวบ้านให้ครบทุกปาก และจะออกหมายเรียกครูทั้ง 3 คนที่ถูกกล่าวหามาสอบสวน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน

 

“ตำรวจจะสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง หากพบมีส่วนเชื่อมโยงไปที่ใครอีกก็จะออกหมายเรียกมาสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ โดยเบื้องต้นจะเอาผิดในส่วนของที่ชาวบ้านถูกนำเลขบัตรประจำตัวประชาชนไปใช้สวมสิทธิ์ เพื่อลงทะเบียนโครงการของรัฐบาลทั้ง 2 โครงการก่อน

พร้อมประสานไปยังส่วนของผู้เสียหายโดยตรงคือรัฐบาล เพื่อดำเนินการแจ้งความเอาผิดขบวนการสวมสิทธิ์ดังกล่าวนี้ในข้อหาฉ้อโกง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดตามขั้นตอน” พล.ต.ท.ยรรยง กล่าว

 

ผบช.ภ.4 กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนเชิญตัวครูอ้อ 1 ในผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวน เบื้องต้นให้การว่ารู้จักกับดร.ภูผาภูมิจริง โดยดร.ภูผาภูมิชักชวนให้ไปหาบัตรประจำตัวประชาชนของชาวบ้านมา โดยจะให้ค่าตอบแทนรายละ 50 บาท เมื่อได้บัตรประจำตัวประชาชนมาแล้วก็จะโอนเงินให้รายละ 250 บาท โดยครูอ้อเมื่อรับเงินมาก็จะนำเงินไปให้ชาวบ้านรายละ 200 บาท และหักเป็นของตัวเอง 50 บาท

 

พร้อมกันนี้ยังพบว่ามีชาวบ้านบางรายได้เพียง 100 บาท โดยรายละเอียดอื่นๆนั้นอยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะเรียกครูอีก 2 คนมาสอบปากคำตามขั้นตอนและเมื่อทางเจ้าหน้าที่รัฐเข้าแจ้งความก็จะแจ้งข้อหา ฉ้อโกงเพิ่มเติมกับทุกคนที่ร่วมขบวนการ และหากยังคงมีพื้นที่อื่น ที่มีส่วนเชื่อมโยงในกระบวนการหลอกสวมสิทธิ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ทางเจ้าหน้าที่ก็จะขยายผลจับกุมตามขั้นตอนต่อไป

 

ด้าน นางจำรัส ประเสริฐก้านตรง อายุ 55 ปี ชาวต.ยางคำ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือนพ.ย.2563 เห็นเพื่อนบ้านหลายคนพูดคุยกันเกี่ยวกับได้รับเงิน 200 บาท จากครูนิด ซึ่งบอกว่าเป็นเงินช่วยเหลือจากทางรัฐบาล จึงชักชวนกันกับเพื่อนบ้านไปสอบถามครูนิดที่บ้านของครูนิด ซึ่งครูนิดบอกว่า ให้นำบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดง

 

ตนกับครอบครัวรวมทั้งเพื่อนบ้านก็นำให้ครูนิดไป โดยครูนิดถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชนทั้งหน้าทั้งหลังแล้วคืนให้ ต่อมาประมาณ 1 อาทิตย์ ครูนิดก็นำเงิน 200 บาทมาให้ที่บ้านแล้วก็กลับไป ซึ่งตนมารู้ภายหลังจากที่มีข่าว และทางผู้นำชุมชนเรียกไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมเมื่อวานที่ผ่านมา และในวันนี้ก็เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งอยากให้ครูนิดนั้นเลิกทำแบบนี้ และไม่ไปทำกับใครอีก

 

ขณะที่นายอุทัย นามกอง อายุ 75 ปี ชาว อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้รับเงิน 100 บาทจากครูพี้ หลังจากที่ครูพี้มาแจ้งกับชาวบ้านว่า จะมีเงินจากทางรัฐบาลมาแจกให้กับชาวบ้านเป็นเงินช่วยเหลือ ให้นำบัตรประชาชนมารับไป ตนกับเพื่อนบ้านก็นำบัตรรวบรวมให้กับครูพี้และได้รับเงินมาคนละ 100 บาท เหตุการณ์เกิดชึ้นเมื่อช่วงเดือนพ.ย.2563

 

กระทั่งพบว่ามีข่าวดังกล่าวขึ้นและทางผู้นำชุมชนเรียกให้ไปให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ว่า ใครที่นำบัตรประชาชนไปรับเงินให้มาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ในส่วนของตนที่ได้ 100 บาทนั้นก็ไม่ได้ไปสอบถามคนอื่นที่ได้ 200 เพราะให้เท่าไหร่ก็เอา เนื่องจากคนที่มาบอกเป็นถึงครูบาอาจารย์ มีความน่าเชื่อถือ จึงไม่ได้สอบถามอะไร และตั้งแต่วันที่เจอครูพี้มาขอบัตรประชาชนแล้วให้เงินมาก็ไม่เจอครูพี้อีกเลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง