จ่อหมายจับครูสวมสิทธิ์ 'คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน' ตุ๋นแจก 200 เอาผิด 3 ข้อหา
จ่อหมายจับครูสวมสิทธิ์ 'คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน' ตุ๋นแจก 200 บาทให้ชาวบ้าน เอาผิด 3 ข้อหา พบเป็นครูชำนาญการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองเรือ
กรณีชาวบ้าน บ.โนนค้อ หมู่ 2 ต.โคกงาม จ.ขอนแก่น 38 คน แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านฝาง ว่าถูกครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น บอกชาวบ้านว่าจะมีเงิน 200 บาท แจกให้นำบัตรประชาชนมารับเงินไป ทำให้มีชาวบ้านเป็นร้อยคนเดินทางมารับ โดยครูคนหนึ่งถ่ายภาพบัตรประชาชนทั้งด้านหน้าด้านหลัง ต่อมาหลังจากมีโครงการเราชนะ เกิดขึ้น ชาวบ้านจึงลงทะเบียน แต่ไม่สามารถลงทะเบียนได้ เนื่องจากได้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกันไปแล้ว ชาวบ้านจึงเกิดความสงสัย เพราะไม่เคยลงทะเบียนรับสิทธิ์โครงการทั้ง 2 จึงไปที่ธนาคารกรุงไทยเพื่อขอตรวจสอบข้อมูลของตัวเอง พบว่าหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่เคยรู้จัก ตามข่าวที่นำเสนอไปนั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 6 ก.พ.64 พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า ในทางคดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำชาวบ้านที่เข้าแจ้งความ รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์ของครูฝน เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลังฐานต่างๆให้ครอบคลุมมากที่สุด
“หลักฐานเชื่อมโยงใครก็จะเรียกมาสอบปากคำด้วย ซึ่งในเบื้องต้นพบหลักฐานที่เชื่อมโยงกันทางโซเชียลมีเดีย ที่ครูฝนพูดคุยกับดร.คนหนึ่ง ถึงการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินให้ชาวบ้าน ซึ่งบางส่วนตรงกับที่ได้จากชาวบ้าน จึงต้องขอหมายค้นจากศาลจังหวัดขอนแก่น
เพื่อเข้าตรวจค้นจุดที่เกี่ยวข้องกับการเกิดเหตุทั้งหมด เพื่อเก็บหลักฐานในส่วนทางด้านพนักงานสอบสวนก็จะรวบรวมหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับดร.คนดังกล่าวซึ่งเป็นครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแห่งหนึ่งในอ.หนองเรือ ในข้อหา 3 ข้อหา ประกอบด้วย ฉ้อโกงประชาชน, นำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่นไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามขั้นตอนต่อไป” พล.ต.ท.ยรรยง กล่าว
ผบช.ภ.4 กล่าวต่อว่า คณะทำงานที่ร่วมกันทั้งกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และสภ.บ้านฝาง จะเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่นหรือไม่นั้น ก็อาจจะเป็นไปได้
แต่ทั้งนี้ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นเองจะสืบสวนสอบสวนอย่างรัดกุมรอบคอบ ให้ได้พยานหลักฐานละเอียดที่สุด เพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หลักฐานเชื่อมโยงใคร ก็จะเรียกมาสอบปากคำ หากเข้าข่ายร่วมกระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีไปด้วยทั้งหมด และยืนยันในการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย