JMARTรุกฟินเทค อีโคซิสเต็มหนุน
#JMART #ทันหุ้น - JMART ร่วมทุน "เอวานทิส แลบอราทอรี" ต่อยอดเทคโนโลยีการเงิน-อัพแกร่งเจเวนเจอร์สคาดชัดเจน ไตรมาส 4 แย้มครึ่งหลังปี 2565 ฟอร์มแจ่ม เหตุอีโคซิสเต็มที่ลงทุนไปทำงาน จ่อคลอดหุ้นกู้ระดมทุนเสริมทัพขยายฐานระยะยาว
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เข้าลงทุนใน บริษัท เอวานทิส แลบอราทอรี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Avantis ซึ่งเป็นธุรกิจเทคโนโลยีการเงิน โดยลงทุนจำนวน 318,182 หุ้น สัดส่วน31.82% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นจากการทำสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจาก Avantis ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 63 ล้านบาท
การเข้าร่วมทุนดังกล่าวจะเสริมความแข็งแกร่งและต่อยอดธุรกิจของกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ บริษัท เจเวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC (บริษัทในเครือของ JMART) เนื่องจาก Avantis เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการเงิน (Financial Technology) ซึ่งการนำเอานวัตกรรมใหม่ เช่นDecentralized Financial Technology เข้ามาจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวก รวดเร็ว ความปลอดภัย ลดต้นทุนที่เกิดขึ้น และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการในธุรกิจการเงินและธุรกิจหลักทรัพย์ คาดน่าจะได้เห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการเข้าลงทุนข้างต้นได้ภายในไตรมาส 4/2565
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2565 บริษัทคาดน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งแรกปีนี้ เพราะทิศทางของธุรกิจทุกกลุ่มเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาขยายไปยัง Ecosystem นอกกลุ่ม โดยมีการลงทุนในบริษัทหลายๆ แห่ง อาทิ JD Group เพื่อขยายพอร์ตกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยสินเชื่อเงินผ่อน เจาะฐานต่างจังหวัด บริษัทร่วมทุน JGS Synergy Power บริษัทร่วมทุนระหว่าง JMART SINGER และ GUNKUL เพื่อนำ Solar Rooftop, EV Charger และ Solar Rooftop พร้อมสินเชื่อ สู่ช่องทางค้าปลีกทั่วประเทศ
การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน JK AMC เพื่อบริหารหนี้ระหว่าง JMT และ KBANK ลงทุนใน PRTR สัดส่วน 15% โดยจะเริ่มเข้าไปลงทุน ณ วันที่ IPO ทำให้เจมาร์ทจะมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมทำให้ Ecosystem แข็งแรงมากขึ้น เกี่ยวกับ Human resource โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน
@ ขยายหุ้นกู้
นอกจากนี้ ล่าสุดประกาศยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering - PO)
โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 อายุ 3 ปี คาดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00-4.25% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ ราคาที่เสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท ขณะที่หุ้นกู้ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 อายุ 4 ปี คาดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30-4.55% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ ราคาที่เสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท โดยจะจำหน่ายหุ้นกู้ดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป (PO) และสถาบันคาดว่าเสนอขายในช่วงวันที่ 25-27 ตุลาคม 2565
สำหรับหุ้นกู้ JMART ได้รับจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่อันดับ “BBB” โดยได้รับอันดับความน่าเชื่อถือขององค์กรที่อันดับ “BBB+” แนวโน้ม “Stable”โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ซึ่งจะเสริมศักยภาพด้านเงินทุนเพื่อเตรียมพร้อมการขยายธุรกิจ และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น โดยจะนำเงินไปใช้เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัท และบริษัทในเครือ เดินหน้าสู่เป้าหมายกำไรโตไม่ต่ำกว่า 50% ต่อเนื่องอีก 3 ปี
@เคาะเป้า 75 บาท
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" JMART โดยมีราคาเป้าหมายที่ระดับ 75.00 บาท เพราะมองภาพรวมธุรกิจมีการขยายตัวมากขึ้น หลังมีการเข้าลงร่วมลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฐานธุรกิจเติบโต ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรในปี2565 จะเติบโตก้าวกระโดดสูงถึง 68% เมื่อเทียบกับปี 2564 มาอยู่ที่ 2,082 ล้านบาท เพื่อตอบรับฐานธุรกิจทั้งในส่วนของ "เจมาร์ท โมบาย" และบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เติบโตต่อเนื่อง
ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมทั้งต้นทุนของบริษัทในเครือที่ปรับลดลง หลังได้เงินระดมทุนจากพาร์ตเนอร์ใหม่เข้ามาเสริมในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์จึงมองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน