THREขยายฐานบุกอาเซียน ปรับพอร์ตเฮลธ์-ลดเป้าโต
#THRE #ทันหุ้น -THRE มองภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยปี 67 ทรงตัวโตแค่ 0.4%จากเศรษฐกิจที่โตแบบชะลอ ยอดขายรถยนต์ลดลง ในส่วนของ THREปรับเป้าโต 7-8% เหตุครึ่งปีหลังปรับพอร์ตลดงานประกันภัยต่อสุขภาพ พร้อมเดินแผนรุกตลาดอาเซียน เวียดนาม กัมพูชา และล่าสุดอินโดนีเซีย
นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE กล่าวว่า THRE ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมประกันวินาศภัย ปี 2567 จะมีการขยายตัวน้อยมากราว 0.5 – 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 187,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตที่ทรงตัวส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย หรือ GDP ขยายตัวช้าลง
*ภาพรวมไม่เอื้อโต
“ยอดขายรถยนต์ปีนี้ก็ไม่ได้เติบโตมากไปจากที่ผ่านมา เป็นเหตุผลที่ทำให้เบี้ยรับโดยรวมของอุตสาหกรรมไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากประกันรถยนต์มีสัดส่วนของเบี้ยมากที่สุดเมื่อเทียบกับเบี้ยกลุ่มอื่นๆ ของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัย ดังนั้นก็จะสะท้อนมายังเบี้ยประกันที่เบี้ยประกันภัยต่อ ที่ไม่ได้เติบโตมาก โดย 8 เดือนขยายตัว 3% ส่วนครึ่งปีแรก เบี้ยประกันภัยต่ออยู่ที่ 43,000 ล้านบาท”
นายโอฬารให้เหตุผลว่า เบี้ยประกันภัยต่อที่ขยายตัวได้ 3%สาเหตุมาจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทประกันภัยต่อของต่างประเทศมีการปรับอัตราเบี้ยประกันต่อความเสียหายส่วนเกินเพิ่ม (Excess of loss reinsurance) เป็นผลมาจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นรุนแรงทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ส่งผลให้ธุรกิจประกันวินาศภัยมีการเติบโตมาจากการประกันภัยข้าวนาปี ส่วนเบี้ยจากหมวดอื่นๆ ทั้งประกันรถยนต์ ประกันสินทรัพย์ภาพรวมไม่ได้มีการเติบโตมากนักอยู่ในระดับทรงตัว
นายโอฬาร กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของ THRE ในครึ่งปีหลังต้องยอมรับว่าขยายตัวช้าลงกว่าครึ่งปีแรก สาเหตุสำคัญมาจากการปรับพอร์ตงานประกันสุขภาพ โดยบริษัทให้ความเข้มงวดในการรับงานส่วนนี้มากขึ้นเนื่องจากมีค่าสินไหมที่สูง โดยบริษัทมีการปรับเบี้ยให้เหมาะสม ซึ่งก็อาจจะทำให้ลูกค้า หรือบริษัทประกันภัยที่จะส่งงานต่อมาที่THRE อาจจะเลือกเก็บภัยความเสี่ยงไว้เอง หรือไป ทำประกันภัยต่อกับค่ายอื่นได้
*เน้นรับพีเอ-โรคร้ายแรง
“เรายังไม่ได้ตัดประกันสุขภาพออกไปจากพอร์ตเลย แต่เราอาจจะรับงานในส่วนของงานที่ไม่ได้รับผลกระทบจากค่ารักษา เช่น ประกันโรคร้ายแรง ประกันอุบัติเหตุ หรือ พีเอ ที่เจอแล้วจ่ายเป็นเงินก้อนจบในคราวเดียว ซึ่งสินไหมของประกันกลุ่มนี้จะไม่กระทบกับอัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาล เหมือนกับประกันสุขภาพที่มีแผน IPD ซึ่งทุกวันนี้ อัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาล ขยับขึ้นเร็วมาก โดยค่ารักษาในปีนี้อาจเพิ่มขึ้นในปีหน้า ทำให้การคำนวณเบี้ยเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเราจึงปรับเน้นงานประกันโรคร้ายแรง หรือ ประกันอุบัติเหตุ ที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาล”
นอกจากรับงานในส่วนของประเทศไทยแล้ว THRE ก็ยังขยายงานไปในส่วนของภูมิภาค ทั้งเวียดนาม และกัมพูชา รวมถึงขณะที่พยายามขยายเข้าไปรับงานประกันภัยต่อที่อินโดนีเซีย ซึ่ง นายโอฬาร มองว่า ตลาดกลุ่มนี้ยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก เนื่องจากธุรกิจประกันภัยต่อยังถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับ เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย โดยงานที่ THRE เข้าไปรับ ก็เน้นไปที่ ประกันภัยต่อลูกค้ารายย่อย ไม่ได้รับงานขนาดใหญ่อย่างก่อสร้าง สินทรัพย์ เป็นต้น
นายโอฬาร กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่สามารถเข้าไปทำตลาดในเพื่อนบ้านได้ เห็นจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อ รูปแบบใหม่ๆ ที่ THRE มี แต่ในเพื่อนบ้านยังไม่มี ด้วยจุดเด่นที่ THRE มีประสบการณ์ในการรับงานประกันภัยต่อ จึงสามารถเข้าไปเจาะและขยายงานได้ ซึ่งก็น่าจะทำให้ปีนี้ THREมีสัดส่วนเบี้ยจากต่างประเทศเข้ามาทั้งในส่วนของ เวียดนาม และกัมพูชา ส่วนอินโดนีเซีย เนื่องจากเพิ่งเข้าไป ปีนี้น่าจะยังไม่สามารถทำเบี้ยได้
“การเข้าไปรับงานประกันภัยต่อ กับเวียดนาม กัมพูชา รวมถึงประเทศต่างๆ ในแถบอาเซียน เรามองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจมาก โดยเฉพาะการรับงานประกันภัยต่อที่เป็นพอร์ตงานลูกค้าบุคคล (Personal lines) โดยที่เราเข้าไปร่วมพัฒนาโปรดักต์ใหม่ๆ ให้บริษัทประกันภัยเขาได้มีแบบประกันใหม่ๆ ในการเสนอขายลูกค้ารายบุคคล ก็เป็นการช่วยเพิ่มยอดขายให้เขา ขณะเดียวกันเขาก็ส่งงานประกันภัยต่อให้กับเราเพื่อกระจายความเสี่ยง เพราะต้องยอมรับว่าประกันภัยอย่าง ลาว กัมพูชา เวียดนา ไม่ได้มีแคปปิตอล หรือเงินกองทุนสูงเขาจึงต้องพึ่งประกันภัยต่อในภูมิภาคเดียวกันมาช่วยกระจายความเสี่ยง ซึ่งTHREก็มีความพร้อมในการเข้าไปรับงานดังกล่าว”
*ปรับลดเป้าโต
สำหรับ THRE มีการปรับลดการเติบโตของบริษัทปีนี้อยู่ที่ประมาณ 7-8% จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวราว 10% เนื่องจากในครึ่งปีหลังมีการขยายตัวที่ชะลอลงจากการปรับพอร์ตรับงานประกันภัยต่อสุขภาพ ที่กล่าวถึงไปแล้วในข้างต้น สำหรับ ประกอบการครึ่งแรกของปี 67 รายได้เบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิ 2,552 ล้านบาท กำไรสุทธิ 146 ล้านบาท โตสูงถึง 92%