วิธีขับรถให้ปลอดภัยขณะน้ำท่วม หน้าฝน : คู่มือเอาตัวรอดสำหรับคนขับรถ

เข้าหน้าฝนแบบนี้เชื่อว่าเพื่อนๆ ที่ใช้รถใช้ถนนน่าจะเริ่มเห็นน้ำท่วมขังรอการระบายกันแล้ว และสำหรับมือใหม่หรือใครที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการขับขี่ขณะเกิดน้ำท่วมขัง ลองมาดูข้อมูลที่พวกเราทีมงาน TrueID ได้รวบรวมเอาไว้ให้ เชื่อว่าจะช่วยให้การเดินทางของเราปลอดภัยและหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นได้
กฎเหล็กข้อแรก: อย่าขับรถลุยน้ำท่วม หากไม่จำเป็น!
หากสามารถหลีกเลี่ยงได้ ให้หยุดรถในที่ปลอดภัยและรอให้น้ำลด เพราะความเสี่ยง และราคาที่ต้องจ่าย อาจสูงกว่าการรอเพียงไม่นานก็เป็นได้
ระดับน้ำที่รถยนต์สามารถผ่านได้อย่างปลอดภัย
หากเลี่ยงในการขับขี่ผ่านน้ำท่วมไม่ได้จริงๆ ควรประเมินสถานะการณ์ให้ดีก่อนขับรถลงน้ำ โดยอาจดูได้จากรถคันที่กำลังลุยน้ำอยู่ โดยระดับน้ำที่อาจพอขับขี่ผ่านไปได้อย่างคร่าวๆ มีดังนี้ (ควรประเมินตามสถานะการณ์จริงหน้างานอีกที)
รถเก๋ง (Sedan)
- ระดับปลอดภัย: ไม่เกิน 15-20 ซม. (ประมาณครึ่งล้อ)
- ระดับอันตราย: เกิน 30 ซม. (เสี่ยงน้ำเข้าเครื่องยนต์)
รถ SUV/กระบะ
- ระดับปลอดภัย: ไม่เกิน 30-40 ซม. (ประมาณ 2/3 ของล้อ)
- ระดับอันตราย: เกิน 50 ซม. (เสี่ยงน้ำเข้าระบบไฟฟ้า)
สัญญาณเตือนความลึกของน้ำ
- น้ำถึงหัวแม็ก (ล้อรถ) = อันตรายมาก
- น้ำถึงบริเวณเบรก = หยุดทันที
- น้ำถึงกระจังหน้า = รถจะเสียหายอย่างแน่นอน
เทคนิคการขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย
ก่อนลงน้ำ
- ประเมินความลึก: ใช้ไม้หรือสิ่งของวัดความลึกก่อน หรือประเมินจากรถคันที่กำลังลุยอยู่
- เลือกเส้นทาง: หาจุดที่น้ำตื้นที่สุดและพื้นมั่นคงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
- ปิดแอร์และพัดลม: ป้องกันน้ำเข้าระบบระบายอากาศ
- เปิดไฟฉุกเฉิน: ให้รถอื่นเห็นตำแหน่งของคุณ
ขณะขับในน้ำ
- ขับช้าและคงที่
- ควรใช้ความเร็วไม่เกิน 5-10 กม./ชม.
- รักษาความเร็วคงที่ อย่าเร่งหรือเบรกกะทันหัน
- เทคนิคการควบคุมรถ
- คันเร่ง: เหยียบเบาๆ และคงที่
- พวงมาลัย: จับแน่น ขับตรงให้มากที่สุด
- เกียร์: ใช้เกียร์ต่ำ (1-2) เพื่อแรงบิดสูง
- สร้างคลื่นน้ำ
- ขับให้เกิดคลื่นน้ำเล็กๆ ให้น้อยที่สุดด้านหน้ารถ
- คลื่นจะช่วยผลักน้ำออกจากเครื่องยนต์
สิ่งที่ห้ามทำขณะขับในน้ำ
- หยุดรถกลางน้ำ (อาจทำให้สตาร์ทรถไม่ติด)
- เปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ
- เร่งแรงเพื่อขับผ่านเร็วๆ
- ใช้เบรกแรง (อาจทำให้รถหมุน)
- เปิดประตูหรือหน้าต่าง
สัญญาณเตือนอันตรายขณะขับในน้ำ
หยุดทันทีหาก
- เครื่องยนต์มีเสียงผิดปกติ (เสียงแหบ หรือดังแก๊กๆ)
- รถเริ่มสั่นหรือกระตุก
- ไฟแดชบอร์ดติดขึ้น (เช่น ไฟเครื่องยนต์, ไฟแบตเตอรี่)
- ควันขาวหรือไอน้ำออกจากท่อไอเสีย
- น้ำเริ่มเข้าในห้องโดยสาร
วิธีหยุดรถในน้ำอย่างปลอดภัย
- ขับรถออกจากแนวน้ำลึกไปจุดที่ตื้นกว่า
- ดับเครื่องทันที
- ไม่พยายามสตาร์ทรถใหม่
- ออกจากรถ และเรียกความช่วยเหลือ
การดูแลรถหลังผ่านน้ำท่วม
ตรวจสอบทันทีหลังออกจากน้ำ
- เช็คน้ำมันเครื่อง
- ถ้าน้ำมันเปลี่ยนสี (ขุ่น/ขาว) = น้ำเข้าเครื่องยนต์
- ต้องเปลี่ยนน้ำมันทันที
- ตรวจระบบเบรก
- เหยียบเบรกทดสอบหลายครั้ง
- ขับช้าๆ และทดสอบเบรกเบาๆ
- เช็คไฟต่างๆ
- ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว
- ไฟแดชบอร์ดและระบบไฟฟ้า
การบำรุงรักษาหลังลุยน้ำ
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรอง (แม้น้ำไม่เข้าเครื่อง)
- เช็คและเปลี่ยนน้ำมันเบรก หากมีน้ำปนเปื้อน
- ล้างท่อไอเสีย เพื่อกำจัดน้ำที่อาจตกค้าง
- ทำความสะอาดห้องเครื่อง และตรวจสอบสายไฟ
- ตรวจระบบแอร์ อาจมีน้ำเข้าในระบบ
การเลือกเส้นทางขณะน้ำท่วม
เส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยง
- ใต้สะพาน/อุโมงค์: น้ำมักขังลึกและไหลแรง
- ถนนข้างแม่น้ำ/คลอง: เสี่ยงน้ำหลาก
- ซอยแคบๆ: ไม่มีทางหนีหากรถเสีย
- พื้นที่ลุ่มต่ำ: น้ำขังลึกกว่าที่เห็น
เส้นทางที่ปลอดภัยกว่า
- ถนนใหญ่ที่มีการระบายน้ำดี
- พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล
- ถนนที่มีรถสัญจรปกติ (แสดงว่าผ่านได้)
- เส้นทางที่มีสถานีบริการ (หากต้องการความช่วยเหลือ)
แอปฯ และเครื่องมือช่วยขับรถขณะน้ำท่วม
แอปพลิเคชันสำหรับติดตามสถานการณ์น้ำท่วม
- Traffic Report Thailand: ข้อมูลจราจรและจุดน้ำท่วม
- Thai Flood: แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำท่วมแต่ละพื้นที่
- Google Maps: เส้นทางทางเลือกและการจราจร
- Waze: รายงานสถานการณ์จากผู้ใช้งานจริง
อุปกรณ์ที่ควรเตรียมไว้ในรถ
- ไฟฉาย: กรณีขับรถในความมืด
- เสื้อชูชีพ: เพื่อความปลอดภัยหากต้องออกจากรถ
- เครื่องมือเบื้องต้น: ไขควง, ประแจ สำหรับยกฝากระโปรงหน้า
- เชือก: สำหรับลากรถหากจำเป็น
- ถุงพลาสติก: ปกป้องของสำคัญ
สรุป: หลักการขับรถขณะน้ำท่วมอย่างปลอดภัย
หลัก 3 ข้อสำคัญ
- หลีกเลี่ยงหากทำได้ - การรอให้น้ำลดดีกว่าการเสี่ยง
- ขับช้าและระมัดระวัง - ความเร็วคงที่และไม่เร่งรีบ
- รู้จักหยุดในเวลาที่เหมาะสม - อย่าฝืนหากสถานการณ์อันตราย
การเตรียมพร้อมล่วงหน้า
- ติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศ
- วางแผนเส้นทางสำรอง
- เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินในรถ
- ตรวจสอบความคุ้มครองประกันภัย
สำหรับการขับขี่ในหน้าฝนและอาจเจอน้ำท่วมขัง ควรจำไว้เสมอว่า “ไม่มีการเดินทางใดสำคัญกว่าความปลอดภัยของชีวิตคุณและคนที่คุณรัก” บางทีการรอให้น้ำหายท่วมก่อนค่อยเดินทาง อาจช่วยประหยัดเวลา ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินได้ดีกว่าก็เป็นได้ครับ
Photo Credit : AI Generated