MAJOR เตรียมขยาย 50 สาขา โบรกคาดโตต่อ หนังดัง ป็อบคอร์นหนุน
#MAJOR #ทันหุ้น - บล.หยวนต้า คาด MAJOR 4Q66 เติบโตเด่น บริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนโรงภาพยนตร์ราว 50 โรง และแผนในการสร้างภาพยนตร์ร่วมกับ BEC และ Workpoint พร้อมจับมือกับ TKN ขยายช่องทางจำหน่ายป๊อปคอร์นไปยังเซเว่นอีเลฟเว่น
4Q66 บล.หยวนต้า คาด MAJOR เติบโตเด่น Q0Q , YOY ได้แรงหนุนภาพยนตร์ไทยคาดผลประกอบการใน 4Q66 จะเติบโตเด่นทั้ง Q0Q และ YoY ซึ่งภาพยนตร์ไทยฟอร์มดี ทำรายได้ได้ดีกว่าฝั่งฮอลลีวูด ได้แก่ สัปเหร่อ ทำเงินได้ 720 ล้านบาท ธี่หยดทำรายได้ราว 484 ล้านบาท และ 4King ภาค2 ทำรายได้ราว 200 ล้านบาท ข้อมูลล่าสุดจากบริษัทรายได้ 2 เดือน (ต.ค.-พ.ย) รายได้จาก
ภาพยนตร์เติบโต 35-40% YoY ส่วนธุรกิจขายอาหารและป๊อปคอร์น คาดเติบโตดีตามรายได้ภาพยนตร์เมื่อคนกลับมาดูมากขึ้น และรับผลบวกจากการกลับเข้าไปขายใน 7-Eleven ส่วนรายได้จากโฆษณาคาดฟื้นตัวดีจากฐานที่ต่ำปีก่อน เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 766 ล้านบาท +198%YoYปี 2567 แนวโน้มยังดีต่อ ปรับกลยุทธ์เพิ่มซ่องทางรายได้อื่นกระจายรายได้
บล.หยวนต้า คาดผลประกอบการปี 2567 เติบโตต่อเนื่อง 18%YoY เป็น 905 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ภาพยนตร์จากฮอลลีวูดฟอร์มใหญ่เข้ามากขึ้น และหนังไทยซึ่งถือว่าได้รับความนิยมมากขึ้น จะเข้าฉายมากกว่า 16 เรื่อง นอกจากนี้บริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนโรงภาพยนตร์ราว 50 โรง และยังมีแผนในการสร้างภาพยนตร์ร่วมกับ BEC และ Workpoint ต่อเนื่อง 2) ธุรกิจจำหน่ายป๊อปคอร์น และเครื่องดื่ม นอกจากจะเติบโตตามธุรกิจภาพยนตร์ บริษัทมีการจับมือกับ TKN ขยายช่องทางจำหน่ายป๊อปคอร์นไปยังเซเว่นอีเลฟเว่นซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยปี 2567 คาดจะวางขายเซเว่น อีเลฟเว่นได้กว่า 25,000 สาขา โดยบริษัทวางกลยุทธ์ระยะยาวจะเพิ่มรายได้จากธุรกิจป๊อปคอร์นรวมอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากปัจจุบันที่ 27%(อิงงวด 9M66) เป็น 45-50% ใกล้เคียงธุรกิจภาพยนตร์ 3) ธุรกิจโฆษณาเริ่มฟื้นตัวดีตั้งแต่ปลายปี 2566 และบริษัทมีการปรับเรทและลดการให้ส่วนลดลงจะช่วยให้อัตรามาร์จิ้นดีขึ้นคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาปรับลงมา สวนทางผลประกอบการที่ฟื้นตัว
มองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวโดดเด่นใน 4Q66 จากฐานที่ต่ำและภาพยนตร์ไทยที่กลับมาคึกคักขณะที่ปี 2567 ยังเติบโตต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ เริ่มเห็น synergy จากการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการขยายธุรกิจ อาทิ การจับมือกับ TKN ผลิตป๊อปคอร์น นอกจากนี้ยังร่วมกับ BEC และ Workpoint ในการสร้างภาพยนตร์ เป็นต้น เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2567 ที่ 20.90บาท โดยอิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC ที่ 7.9% Terminal growth 2% ซึ่งยังมี Upside 37.5% จากราคาปัจจุบัน และคาดผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ บริษัทประกาศจ่ายปันผลงวด 1H66 ไปแล้ว0.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่ 2H66 เราคาดที่ 0.49 บาท ทั้งปีคาด Yield ปันผลที่ 6.5% จากราคาปัจจุบันมีประเด็นบากที่เราไม่ได้นับรามในประมาณการณ์ 1)บริษัทมี defer Taxที่คาดว่าจะใช้ใน 4Q66 หรือ 1Q67 จำนวน140 ล้านบาท ยังไม่ได้สรูปจะใช้ตรมาสไหน 2) หลังจากบริษัทมีการซื้อหุ้นคืนต่อเนื่อง หนึ่งในทางเลือกที่จะเสนอต่อผู้ถือหุ้นครั้งต่อไปคือการลดทุนจดทะเบียน