ชาวนาเฮ! ธ.ก.ส.จ่ายเงินประกันรายได้งวดแรกแล้วกว่า 80,000 ล้านบาท
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดพิจิตร นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยนายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคาร ธ.ก.ส.(สำนักงานใหญ่)และนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมเป็นสักขีพยานและมอบเงินโครงการประกันรายได้ข้าวให้กับชาวนาในพื้นที่อำเภอเมืองพิจิตร ฤดูกาลผลิต 2564 / 2565 ซึ่งรัฐบาลได้โอนเงินค่าประกันรายได้งวดแรกให้กับกลุ่มชาวนา ภายใต้มาตรการคัดกรองโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งทางธนาคารได้นัดหมายช่วงเวลากับกลุ่มชาวนาเป็นรายตำบล เพื่อลดความแออัด
สำหรับเงินค่าประกันรายได้ หากเป็นข้าวหอมมะลิ ประกันรายได้ที่ตันละ 15,000 บาท แต่จะต้องไม่เกิน 14 ตันต่อครัวเรือน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ประกันรายได้อยู่ที่ตันละ 14,000 บาท ต้องไม่เกิน 16 ตันต่อครัวเรือน และข้าวเปลือกเจ้าประกันรายได้อยู่ที่ตันละ 10,000 บาท แต่จะต้องไม่เกิน 30 ตันต่อครัวเรือน โดยงวดแรกชาวนาจะได้รับเงินส่วนต่าง หากเป็นข้าวหอมมะลิ จะได้อัตราส่วนต่างอยู่ที่ตันละ 4,135 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ชาวนาจะได้อัตราส่วนต่างในราคาตันละ 3,592 บาทและข้าวเปลือกจ้าว ชาวนาจะได้อัตราส่วนต่างอยู่ที่ตันละ 1,934 บาท
สำหรับธนาคาร ธ.ก.ส.ทั้ง 15 สาขาในพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอ บรรยากาศเริ่มเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากทางธนาคารได้โอนเงินให้กับชาวนาในพื้นที่จังหวัดพิจิตรจำนวนกว่า 34,832 ราย มูลค่าวงเงินกว่า 897 ล้านบาท บรรยากาศที่ธนาคาร ธกส.สาขาอำเภอเมืองพิจิตรเต็มไปด้วยความคึกคัก หลังจากที่รัฐบาลโอนเงินค่าประกันรายได้ในวันนี้เป็นวันแรก จึงทำให้มีกลุ่มเกษตรชาวนาในพื้นที่อำเภอเมืองพิจิตรและสาขาต่างๆ ทั้ง 12 อำเภอ ที่เก็บเกี่ยวผลผลิตฤดูกาลผลิตนาปี 2564 ก่อนวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมาและอัตราความชื้นไม่เกิน 15 % ไปขายกับโรงสีและท่าข้าวและนำเอกสารไปยื่นกับเจ้าหน้าที่เกษตรตำบล และต่างนำสมุดบัญชีธนาคาร ธกส.มาปรับสมุดเพื่อตรวจสอบยอดเงินโอนค่าประกันรายได้ที่บริเวณตู้ ATM ของธนาคารกันอย่างคึกคัก
ด้านนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการประกันรายได้ เป็นโครงการที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีและกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการคลังร่วมกันจัดทำขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาไทย โดยกลุ่มเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการต้องไปขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อน ถึงจะได้สิทธิ ซึ่งการจ่ายเงินประกันรายได้ในครั้งนี้แบ่งจ่ายเป็นงวดๆ รวมกว่า 30 งวด เนื่องจากปีนี้ราคาขายผลผลิตจะมีราคาต่ำจากปัจจัยผลกระทบทางเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงน้ำท่วมพื้นที่ทางเกษตร จึงทำให้ข้าวที่เก็บเกี่ยวมามีความชื้นสูง แต่โครงการประกันรายได้ก็ถือว่าเป็นค่าครองชีพให้กับพี่น้องกลุ่มเกษตรกรชาวนา
นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคาร ธ.ก.ส.(สำนักงานใหญ่) กล่าวว่า การจ่ายเงินประกันรายได้ตั้งแต่เมื่อวานต่อเนื่องถึงวันนี้ โดยการจ่ายเงินงวดแรกทั่วประเทศที่ ธนาคาร ธ.ก.ส.กว่า 1,200 สาขา ยอดรวมวงเงินกว่า 80,000 ล้านบาท ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนการหักเงินจากโครงการประกันรายได้มาชำระหนี้เงินกู้ ธ.ก.ส.นั้น ทางธนาคารไม่มีนโยบายดังกล่าวแต่อย่างใด แต่ลูกหนี้ธนาคารส่วนใหญ่ก็มีความรับผิดชอบดี เมื่อได้เงินมาก็นำไปชำระหนี้สิน นอกจากนี้ทางธนาคารก็นโยบายพักชำระหนี้อยู่ จึงยังไม่มีการหักหนี้สิ้นแต่อย่างใด
ภาพจาก ผู้สื่อข่าว จ.พิจิตร