เปิดเคล็ดลับความสำเร็จ การสร้างแบรนด์ PIPATCHARA กับ คุณเพชร ‘ภิพัชรา’ แก้วจินดา

TNN WEALTH ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับ คุณเพชร ‘ภิพัชรา’ แก้วจินดา เจ้าของแบรนด์ PIPATCHARA ผู้ที่นำขยะพลาสติกรีไซเคิลมาสร้างเป็นสินค้าแฟชั่น จากจุดเรื่องต้นที่อยากจะเป็น Fashion for community ที่ให้ความสำคัญทั้ง วัตถุดิบและดีไซน์
จุดเริ่มต้นของธุรกิจ PIPATCHARA มีที่มาอย่างไร ?
คุณเพชร เล่าให้ฟังว่า แบรนด์ PIPATCHARA ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 เข้าสู่ปีที่ 7 เป็นที่เรียบร้อย โดยเริ่มต้นจากการที่อยากจะเป็น Fashion for community ด้วยการจับหัตถกรรมชุมชนมาเกี่ยวข้องกับการทำแบรนด์ จนมาถึงเรื่องของการทำพลาสติกรีไซเคิลในปัจจุบัน
7 ปีที่ผ่านมาการที่จะต่อสู้ในสมรภูมิแฟชั่นที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด PIPATCHARA มีวิธีการอย่างไรในการดำเนินธุรกิจ ?
ตลอด 7 ปี ที่ผ่านมามันเป็นการเรียนรู้ ซึ่งอย่างที่บอกว่าเพชรเองไม่ได้เป็นนักธุรกิจ และเรียนมาทางด้านศิลปะและหัตถกรรม" (Art and Craft) ซึ่งจะเกี่ยวกับศิลปะโดยเฉพาะ การที่เราต้องมาทำธุรกิจจึงมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ง่ายนัก แต่สิ่งสำคัญเราเรียนรู้อยู่เสมอและหาที่ปรึกษาที่ดี ที่จะเข้ามาช่วยเราทำธุรกิจในแต่ละด้าน
จุดพลิกผันของแบรนด์ ที่ทำให้เป็นที่รู้จักเราจริง Key success อยู่ตรงไหน ?
สิ่งสำคัญเพชรมองว่า Key success คือการที่ลูกค้าเริ่มพูดถึงอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมา ซึ่งแบรนด์ของเราไม่ใช่แค่สินค้าแฟชั่นอย่างเดียว แต่มองว่าการที่ลูกค้าซื้อ PIPATCHARA ซื้อเพราะว่าเป็นสินค้าที่มีคุณค่าตรงกับโจทย์ความต้องการของเขาอย่างตรงจุด โดยลูกค้าจะรู้ได้เลยว่าของชิ้นนี้ทำมาจากพลาสติกอะไร สินค้ามีจุดเด่น เข้ากับยุคที่คนใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม
การนำพลาสติกรีไซเคิลทำผลิตภัณฑ์ออกมาจำหน่ายไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ PIPATCHARA ทำแบรนด์ออกมาให้เป็นที่รู้จักและมียอดขายที่เติบโต คิดว่ามาจากจุดไหน ?
จริงๆแล้วอาจจะมาจาก ”Passion“ หรือ "Stories Behind" ซึ่งอย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าเราอยากจะเป็นแบรนด์ที่เป็น Fashion for community คนอาจจะงงว่า สินค้าก่อนหน้านี้ของแบรนด์ PIPATCHARA ที่ผ่านมาที่เป็นพลาสติก ซึ่งในสมัยนี้ก็ยังเป็นอยู่ กับสินค้าที่เป็นพลาสติกรีไซเคิลไม่ได้เหมือนกันเลย แต่หากมองอย่างตรงไปตรงมาคือเป้าหมายเดียวกัน ในการที่จะทำแบรนด์ให้เป็น Fashion for community
เราได้เข้าไปสอน วิธีการการคิดและวิธีการทำให้แก่ คนในชุมชนในเรื่องของหัตถกรรม เพื่อเขาจะได้นำพลาสติกมาขึ้นรูปกระเป๋ากลับมาให้กับเรา ส่วนใหญ่เป็นคนในชุมชน เพชรว่าซึ่งสิ่งเหล่านี้ ทำให้แบรนด์ของเราเติบโตได้โดยเรารู้ดีว่าเป้าหมายของเราคืออะไร
เคล็ดลับของแบรนด์ PIPATCHARA คือการนำพลาสติกรีไซเคิลมาสร้างมูลค่า และสร้างยอดขายเติบโตได้อย่างไร ?
จริงๆเพชรมองว่า มันคือการให้ความเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่เราทำคืออะไร ซึ่งกระเป๋ารุ่นแรกออกมาในราคา 21,900 บาท หากคนที่มองว่ากระเป๋าใบนี้มาจากขยะรีไซเคิล ทำไมถึงทำราคาแบบนี้ได้ ซึ่งมีกรรมวิธี การคัดแยกขยะ การขึ้นรูปใหม่ โดยขยะในแต่ละชนิด ด้วยฝีมือคน เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้คือการที่เราต้องเชื่อก่อนว่า การที่เราตั้งราคาขึ้นมา เราเข้าใจถึงผลงานศิลปะของเราออกมาเป็นแบบไหน และให้ข้อมูลกับคนที่เปิดใจและเข้าใจในตัวแบรนด์
การทำธุรกิจ ระหว่างวัตถุดิบและดีไซน์ แบรนด์ PIPATCHARA ให้ความสำคัญกับสิ่งไหนมากที่สุด ?
คุณเพชรบอกว่าทั้งสองมีความสำคัญเทียบเท่า ทั้งวัตถุดิบและดีไซน์ โดยช่วงแรกเพชรดีไซน์กระเป๋าออกมาโดยไม่บอกว่าวัตถุดิบมาจากอะไร เนื่องจากไม่อยากให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด และมีความสงสัยทางด้านของราคา ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับที่ดี เนื่องจากดีไซน์ตอบโจทย์กับการใช้งานอย่างหลากหลาย ซึ่งหากดีไซน์ของเราไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้า แม้แม้จะพูดถึงเรื่องที่มาของแบรนด์อย่างไร ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเพชรอยากขอบคุณลูกค้าของ PIPATCHARA ตั้งแต่แรกจนจนถึงปัจจุบันที่เป็นคอมมูนิตี้ที่ค่อนข้างแข็งแรง และเห็นถึงมูลค่าที่แท้จริง
แบรนด์ PIPATCHARA มีวัตถุดิบและดีไซน์ที่แตกต่างซึ่งเป็นเอกลักษณ์ มีเคล็ดลับในการตั้งราคา อย่างไร ?
ตอนแรกเลยเพชรคิดว่า ลูกค้าของ PIPATCHARA ค่อนข้างเป็นกลุ่ม Niche Market แต่การที่เรา Mass Market ได้นั้น เป็นเพราะแบรด์มี Celebrity หลายๆท่าน ที่ให้ความสำคัญใส่ใจในด้านสิ่งแวดล้อม และ Sustainability และลูกค้าอยากสนับสนุนแบรนด์ของเรา ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คนทั่วไป มองว่าสินค้าสามารถ Mix and match ได้ จึงเข้าถึงลูกค้าระดับต่างๆ ได้มากขึ้น
PIPATCHARA แบรนด์ที่มีศิลปะโดดเด่นแตกต่างจากแบรนด์อื่น มีเคล็ดลับการนำศิลปะให้เป็นธุรกิจเชิงพาณิชย์ และประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดได้อย่างไร ?
เพชรมองว่าการที่จะทำให้ศิลปะกลายเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ได้ เราต้องดูฐานลูกค้าเป็นหลักด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่ได้คาดหวังว่าสินค้าจะขายได้อย่างแน่นอน จึงมีความเชื่อที่ว่าการทำสินค้าออกมาให้ดีที่สุดก่อน และหลังจากนั้นจึงใส่ "Stories Behind" เข้าไปว่าสิ่งที่เราทำมามีจุดประสงค์หลักอย่างไร แต่หากคิดว่าศิลปะของเราต้องเป็นเชิงพาณิชย์ทันที หากศิลปะชิ้นนั้นไม่สามารถ Mass ได้ ขณะเดียวกันต้องรอและปรับปรุงไปเรื่อยๆ ว่า Feedback สินค้าของเราเป็นอย่างไร ซึ่งแต่ละชิ้นเรามีการวิจัยออกมาก่อนว่าจะทำ กระเป๋าใบนี้เพื่อสร้างแบรนด์ดิ้งหรือ ทำกระเป๋าใบนี้เพื่อเน้นจำหน่ายเชิงพาณิชย์ และเมื่อไหร่ที่ตลาดมีความเอื้ออำนวยนเรื่อง Sustainability เราพร้อมเข้าไปทันที เนื่องจากเรามีสินค้าและสตอรี่รวมถึงจุดยืนของแบรนด์ที่ชัดเจน
การทำธุรกิจที่ มีผลิตภัณฑ์เป็นกึ่งศิลปะ การทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จ ควรอย่างไร ?
การทำตลาดในปี 2568 ทางแบรนด์มีกระบวนการผลติให้ลูกค้าดู เพื่อเล่าเรื่อง ว่าสินค้าแต่ละชิ้นมีขั้นตอนความเป็นมาอย่างไร เริ่มตั้งแต่การแยกขยะ การแยกสี เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็นสินค้าเป็นอย่างงไร เป็นการทำการตลาดในรูปแบบของการอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจเอกลักษณ์ของสินค้า ซึ่งเป็นจุดเด่นของ PIPATCHARA
ด้วยวัตถุดิบหลักที่เราใช้ไม่ว่าจะเป็นฝาขวดพลาสติก ซึ่งไม่ได้หายาก แบรนด์อื่นสามารถลอกเลียนแบบสินค้าได้ เรามีวิธีแก้ไขอย่างไร ?
ปัญหาของการลอกเลียนแบบ หากมองในมุมของแบรนด์ PIPATCHARA ถ้าถูกลอกเลียนแบบขึ้นก็ต้องรู้สึกเสียใจอยู่แล้ว เพราะเราตั้งใจนำขยะมาประยุกต์และใช้งานได้จริง แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ คือ การตั้งใจทำสินค้าจากงานฝีมือล้วนๆ ด้วยความปราณีต ใช้แรงและกำลังอย่างมากในการทำงานฝีมือออกมาแต่ละชิ้นออกมา ซึ่งยิ่งเราทำงานฝีมือยากขนาดไหน ก็จะยิ่งทำให้การลอกเลียนแบบยากขึ้นเท่านั้น
คุณเพชร นิยาม การเป็นนักธุรกิจของของตัวเองอย่างไรบ้าง แตกต่างจากนักธุรกิจคนอื่นอย่างไร ?
เพชร มองว่าเพชรอาจจะเป็นนักธุรกิจที่แตกต่างจากท่านอื่น ในการที่เราชอบพัฒนาทุกๆด้านตลอดเวลา ทั้งในเรื่องของ คน สินค้า ความคิด และเรื่องของคุณประโยชน์ ซึ่งเพชรเองมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เนื่องจากไม่ใช่คนที่เก่งในด้านธุรกิจมาตั้งแต่ต้น และอาจจะโชคดีที่ถูกหล่อหลอมโดยคุณแม่ ซึ่งสอนว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นประโยชน์ไหม จึงทำให้เรามีความชัดเจนว่าเป้าหมายที่เราจะทำคือประโยชน์ไม่มากก็น้อย และเพชรเชื่อว่าตรงนั้นเป็นข้อดี ทำให้ความแตกต่างในการทำธุรกิจของเราไม่เหนื่อยมากเนื่องจากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน
อะไรที่ทำให้แบรนด์ PIPATCHARA ได้ร่วมทำงานกับศิลปินชั้นนำระดับโลกมากมาย ทำอย่างไรถึงไปอยู่ในจุดนั้นได้ ?
การได้มีโอกาสร่วมงานกับศิลปินระดับโลกไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลย แต่เราพยายามให้ตัวเองไปอยู่ในโอกาสต่างๆอยู่เสมอ ซึ่งหากมีคนสนใจเราจะได้มีโอกาสพบเจอเขา ซึ่งเพชรได้ทำการฟิตติ้งชุดให้ศิลปินด้วยตัวเองทุกคน รวมถึงได้มีโอกาสเล่าให้สตอรี่ของสินค้าและแบรนด์ให้ฟัง และซึ่งเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการบอกต่อให้อีกหลายๆศิลปินได้รับรู้ถึงคุณค่าของงานศิลปะ
“ซึ่งบางคอนเน็คชั่นส์เราก็ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย แต่เราได้รับโอกาสเข้ามาอย่างไม่น่าเชื่อ เรื่องนี้เพชรเชื่อว่า การที่มีคอนเน็คชั่นส์ที่ดีเข้ามานั้น อาจจะเป็นเพราะเรามุ่งมั่นในการทำประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องเหล่านั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนกลับมาหาแบรนด์ของเรา”
แบรนด์ PIPATCHARA มีแผนให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนอย่างไร ?
ปัจจุบันแบรนด์มีการพัฒนางานอย่างไม่หยุดยั้ง พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และในระยะยาวแบรนด์ PIPATCHARA จะไม่ใช่เพียงแบรนด์แฟชั่นเพียงอย่างเดียว โดยปัจจุบันเรามีการแตกยอดออกไปในเรื่องของ Interior ต่างๆ เช่น โคมไฟ และพัฒนาร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่ในเรื่องของ CSR และทำโปรเจคร่วมกันที่สามารถทำประโยชน์ได้ต่อสังคม ซึ่งจะได้เห็นในอนาคตอันไกล้ เป็นแผนธุรกิจ 5-10 ปี
คุณเพชร อยากฝากอะไรให้กับธุรกิจรุ่นใหม่ ที่มีธุรกิจและความเชื่อในสินค้าของตนเอง แต่ยังไม่สามารถพลักดันเป็นธุรกิจเชิงพาณิชย์ในสำเร็จได้ ?
เพชรเชื่อว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นเรื่องง่าย กว่าจะมาถึงจุดนี้เราต้องอดทนอย่างมาก แต่สิ่งสำคัญ คือเพชรอยากจะให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ และรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ และหากวันนึงเรามีความชัดเจนว่าสิ่งที่ทำอยู่คืออะไร ก็จะทำให้เราสามารถต่อยอดได้ รวมถึงการหาที่ปรึกษาที่ดี เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะคนที่สามารถให้ความรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ได้ จะช่วยให้ธุรกิจเราเติบโต เพราะทำงานคนเดียวการประสบความสำเร็จอาจจะเกิดขึ้นยาก ซึ่งหากเรามีที่ปรึกษาที่ดีในแง่มุมต่างๆ เพชรเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถเติบโตได้ในทางที่คุณเลือกเดินได้คะ