ภัยร้ายไซเบอร์! มุ่งโจมตีธุรกิจและแบรนด์ดัง ระดับโลก

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ร้านค้าปลีกแบรนด์ดังของอังกฤษคือ Marks and Spencer เป็นอีกรายที่ถูกแฮ็กจนต้องปิดร้านค้าออนไลน์ เป็นเวลานานถึง 2 เดือน อีกทั้งออกมาเผยถึงความเสียหายจากการถูกโจมตีครั้งนั้น ว่ามีมูลค่าสูงถึง 300 ล้านปอนด์ หรือมากกว่า 12,000 ล้านบาท

จากนั้นไม่นาน ร้านค้าปลีกอาหาร Co-op Group ที่มีสาขากว่า 2,300 แห่งทั่วประเทศอังกฤษ ออกมาระบุว่า แฮกเกอร์พยายามเจาะระบบของบริษัท ทำให้ต้องปิดระบบหลังบ้านและศูนย์บริการลูกค้าบางส่วน

ส่วนห้างสรรพสินค้าหรู Harrods ก็เป็นอีกรายที่ออกมาเผยว่า ข้อมูลลูกค้าบางส่วนถูกโจรกรรม จากการถูกละเมิดระบบไอที แต่สามารถควบคุมได้ และมีผลกระทบแบบจำกัด 

อีกหนึ่งเหตุการณ์ใหญ่ เกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน เป็นเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ต่อ Collins Aerospace ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเช็คอินและการขึ้นเครื่อง ส่งผลกระทบต่อสนามบินหลายแห่งในยุโรป เช่น สนามบินฮีทโธรว์ ในกรุงลอนดอน สนามบินเบอร์ลิน (เยอรมนี) และสนามบินบรัสเซลส์ (เบลเยี่ยม) ต้องหยุดชะงัก เกิดความล่าช้า ผู้โดยสารต้องรอคิวยาว รวมไปถึงการยกเลิกเที่ยวลินหลายสิบเที่ยวบิน จากการที่ระบบเช็คอินล่ม 

เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของธุรกิจทั่วโลกต่อการโจมตีที่มีความซับซ้อนและบ่อยครั้งมากขึ้น โดยศูนย์ความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติ (NCSC) ระบุว่า เหตุการณ์ไซเบอร์ในสหราชอาณาจักรถูกจัดให้อยู่ในระดับ ร้ายแรงมาก โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับปีก่อน

Richard Horne ซีอีโอ ของ NCSC กล่าวว่า เจ้าของธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่มีพนักงานเพียงคนเดียว หรือมีพนักงานนับพันคน จำเป็นจะต้องมีแผนรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์จากอาชญากร ช่วง 12 เดือน NCSC ได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือในเหตุการณ์ไซเบอร์จำนวน 429 ครั้ง ซึ่งครึ่งหนึ่งถูกจัดว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญระดับชาติ และมี 18 เหตุการณ์ ถูกจัดว่า ร้ายแรงมาก เนื่องจากมีผลกระทบอย่างหนักต่อรัฐบาลกลาง, บริการจำเป็นของประเทศ รวมถึง กระทบต่อประชากรจำนวนมาก และระบบเศรษฐกิจ

อีกทั้งระบุว่า ได้จัดการกับการโจมตีจำนวน 204 ครั้งใน 3 หมวดหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดในรอบปี ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจาก 89 ครั้งในปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการรับมือของบริษัทต่าง ๆ ที่ยังเปราะบาง โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กในเครือข่ายซัพพลายเชน

การโจมตีทางไซเบอร์ที่มุ่งไปยังบริษัทระดับโลกนั้น ยังเกิดขึ้นอีกหลายแห่ง เช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ภาคการบริโภคที่ญี่ปุ่นก็ปั่นป่วนไปไม่น้อย  โดย Asahi Group ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เป็นอีกรายที่ต้องระงับการดำเนินงานในประเทศ โดยบริษัทฯ ระบุว่าถูกโจมตีทางไซเบอร์ จนทำให้ระบบการสั่งซื้อและการขนส่งสินค้าล่ม กระทบต่อการจัดส่งให้ต้องหยุดชะงัก จนเกิดการขาดแคลนในช่วงเวลาหนึ่ง 

ถัดจาก Asahi เพียงไม่กี่สัปดาห์ บริษัท Ryohin Keikaku เจ้าของแบรนด์ร้านค้าปลีก Muji และ The Loft Co. ระบุว่า บริษัท Askul Corp. ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ด้านโลจิสติกส์ของบริษัทฯ ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ทำให้ต้องระงับการใช้งานเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของบริษัท