รีเซต

นักวิจัยสหรัฐฯ เผย จุดอ่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศแดนมังกร

นักวิจัยสหรัฐฯ เผย จุดอ่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศแดนมังกร
TNN ช่อง16
21 กุมภาพันธ์ 2565 ( 16:07 )
57
นักวิจัยสหรัฐฯ เผย จุดอ่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศแดนมังกร

สำนักข่าว SCMP รายงานว่า นักวิจัยสหรัฐฯ ได้เผยจุดอ่อนในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของแดนมังกร ชี้ ต้องพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยี และอนาคตอาจขาดแคลนแรงงาน จากวิกฤตด้านประชากร


---เปิดโต๊ะวิเคราะห์ฝ่ายตรงข้าม---


รายงานฉบับใหม่ โดยกลุ่มนักวิจัยของสหรัฐฯ ระบุว่า การพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยีชั้นสูงและการขาดแคลนแรงงานของจีน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในทศวรรษหน้า ถือเป็นช่องโหว่สำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของจีน 


ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักวิจัยของ Rand Corporation กล่าวว่า จุดอ่อนอื่น  ได้แก่ การขาดความโปร่งใสในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐบาล และการควบคุมกิจการโดยบริษัทเดียว


รายงาน “การประเมินจุดแข็งของระบบและช่องโหว่ของฐานอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของจีน” หรือ Assessing Systemic Strengths and Vulnerabilities of China’s Defence Industrial Base ฉบับนี้ ได้รับมอบหมายจากสภาคองเกรสสหรัฐฯ และแล้วเสร็จเมื่อเดือนตุลาคม 2021


---จีนยังต้องพึ่งสหรัฐฯ-พันธมิตร---


รายงานระบุว่า จีนพึ่งพาสหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ ในหลายด้าน รวมถึงการศึกษาวัตถุดิบส่วนประกอบขั้นสูง และทรัพย์สินทางปัญญา


ระบบนวัตกรรมการป้องกันประเทศของจีน ไม่ได้ถ่ายทอดความรู้และข้อมูลระหว่างองค์ประกอบต่าง  อย่างมีประสิทธิภาพ” รายงาน ระบุ


แนวปฏิบัติของจีน ในการรวบรวมทรัพยากรจากต่างประเทศนั้น อยู่ในระดับสูงสุด ซึ่งบ่งชี้ว่า มุมมองของจีนเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ นับเป็นช่องโหว่เสียเอง


ในฐานะ “แหล่งโรงงานระดับโลก” จีนมีกำลังการผลิตที่มากกว่าประเทศอื่น  แต่ก็ยังต้องพึ่งพาวัสดุจากต่างประเทศ ทั้งสินค้าประเภทเทกองและส่วนประกอบไฮเทค


---ผู้กุมอุปทานชิป IC---


รายงานยังระบุว่า จีนพึ่งพาสหรัฐฯ และพันธมิตร ในด้านแร่ธาตุ 5 ชนิด ที่จำเป็นในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ 


อีกทั้ง จีนยังต้องพึ่งพารัสเซีย ยูเครน และฝรั่งเศส สำหรับการผลิตเครื่องบินและเครื่องยนต์เรือ ซึ่งเป็นตัวแทนการนำเข้าอาวุธของจีนที่ใหญ่ที่สุด ระหว่างปี 2015 และ 2020 


แต่ประเภทการนำเข้าที่สำคัญที่สุด คือ วงจรรวม (Integrated Circuit - IC) ที่แซงหน้าการนำเข้าเชื้อเพลิงและแร่ซึ่งมีความสำคัญต่อกลไกทางเศรษฐกิจของจีน


รายงานนี้ ยังเปรียบเทียบเทคโนโลยีกับ “ปิโตรเลียมแห่งศตวรรษที่ 20 และถ่านหินแห่งศตวรรษที่ 19” โดยระบุว่า ห่วงโซ่อุปทานชิป IC ขั้นสูง อยู่ในมือของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร ได้แก่ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น


---วิกฤตกระทบหลายภาคส่วน---


ด้าน ซ่ง จงผิง นักวิจารณ์ชาวจีน กล่าวว่า การที่จีนต้องพึ่งพาชิป IC ที่ควบคุมโดยสหรัฐฯ อย่างหนัก ไม่อาจถือเป็นพื้นที่แข่งขัน เพราะการใช้งานทางทหาร ไม่ได้พัฒนารวดเร็วเท่ากับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เชิงพาณิชย์ ซึ่งขับเคลื่อนโดยตลาด


โดยทั่วไปแล้ว ชาวจีนจะตระหนักถึงความเป็นอิสระของห่วงโซ่อุปทานและการผลิตในประเทศ ทั้งในชิป IC รวมถึงอุปกรณ์และส่วนประกอบหลัก” ซ่ง กล่าว 


และความพยายามในการพัฒนาเครื่องยนต์อากาศยานประสิทธิภาพสูงของจีน ก็ค่อย  ประสบความสำเร็จเช่นกัน


รายงานยังคาดการณ์ด้วยว่า อัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนพนักงานที่จะลดลงในอีก 10 ปีข้างหน้า อาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนและภาคการป้องกันประเทศ โดยมีสัญญาณว่า อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ อาจพยายามดิ้นรนเพื่อดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถที่ได้รับการฝึกฝนเอาไว้


แต่ซ่งแย้งว่า ขณะที่จำนวนประชากรของจีนลดลง แหล่งรวมของผู้ที่มีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้รับการฝึกฝน ก็ยังมีจำนวนมากกว่าสหรัฐฯ และเพียงพอที่จะเป็นแหล่งรวมผู้มีความสามารถที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ


นั่นจะกลายเป็นข้อเสียเปรียบของสหรัฐฯ อย่างแท้จริง” เขากล่าว


---ข้อดีย่อมมาพร้อมข้อเสีย---


หนึ่งในปัจจัยซับซ้อน คือ การครอบครองอำนาจและการตัดสินใจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน


นักวิจัยระบุว่า แนวทางการดำเนินงานแบบศูนย์กลางช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ทำให้มีการวางแผนระยะยาว และสนับสนุนให้เกิดการผสมผสาน ระหว่างทหารและพลเรือน


แต่ก็ยังเสี่ยงที่จะเดิมพันเทคโนโลยีผิดพลาด ส่งผลให้มีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่ไม่ดี และขาดความโปร่งใส นอกจากนี้ ยังนำไปสู่ข้อบกพร่องในการควบคุมต้นทุนเวลาและคุณภาพ รวมถึงการทุจริตด้วย

—————

แปล-เรียบเรียงพัชรี จันทร์แรม

ภาพ: Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง