จับตาประชุมสุดยอด สี จิ้นผิง-โจ ไบเดน วิดีโอคอลข้ามโลก หวังสมานรอยร้าว คลายความตึงเครียดปมไต้หวัน
เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน จะหารือกัน ในการประชุมทางไกลเสมือนจริง ก่อนสิ้นปีนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก จากกรณีที่จีนส่งเครื่องบินรบเข้าไปในเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวัน
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นผลมาจาก การหารือเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ระหว่าง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กับ หยาง เจียฉี ที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศอาวุโสของจีน ที่เมืองซูริคของสวิตเซอร์แลนด์
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มองว่าเป็นการประชุมที่มีความหมายและเป็นรูปธรรมมากกว่าการประชุมครั้งก่อน ระหว่าง ซัลลิแวนและหยาง ที่เมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา ของสหรัฐฯ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่หารือถึงการค้าและสิทธิมนุษยชน
◾◾◾
🔴 ประชุมสุดยอด ก้าวแรกสมานรอยร้าว
ในการประชุมครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือ ความเห็นต่างที่ขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงพัฒนาช่องทางการสื่อสารและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็น ภายใต้การแข่งขันกันระหว่างสองประเทศ ซึ่งการหารือระหว่างสองผู้นำ จะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ดั้งนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นพ้องต้องกันที่จะจัดการประชุมทางไกลเสมือนจริงระหว่าง 2 ผู้นำขึ้น
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการหารือถึง รายละเอียดต่าง ๆ รวมถึง วันและเวลาในการประชุม คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
CNBC รายงานว่า ที่ต้องจัดการประชุมทางไกลเสมือนจริง เนื่องจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ไม่มีแผนจะเข้าร่วมการประชุมพหหุภาคีใด ๆ ที่จะมีขึ้นด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น G20, COP26 และ APEC ดังนั้นโอกาสที่สองผู้นำจะได้พบปะกันซึ่ง ๆ หน้าจึงยังไม่มี
◾◾◾
🔴 จากต่อสายตรง สู่เตรียมวิดีโอคอล
นับตั้งแต่ประธานาธิบดีไบเดน ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง เขายังไม่เคยได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในฐานะผู้นำสหรัฐฯ เลย
ครั้งล่าสุดที่ทั้งคู่ได้พูดคุยกันก็ เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ เป็นฝ่ายต่อสายตรงถึงผู้นำจีน และพูดคุยกันนาน 90 นาที เป็นการหารือเชิงยุทธศาสตร์กว้าง ๆ ในประเด็นที่สนใจร่วมกัน และมีมุมมองที่ต่างกัน
ทั้งสองเห็นพ้องที่จะมีส่วนร่วมในประเด็นเหล่านั้นอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา และการแข่งขันกันระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จะไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง
การพูดคุยครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ที่ไบเดนเข้ามารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ
◾◾◾
🔴 ประเด็นไต้หวันเป็นหัวข้อหลัก
แผนการจัดประชุมทางไกลเสมือนจริงระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับผู้นำจีน มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวัน หลังจากที่จีนส่งเครื่องบินรบเข้าไปในเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวัน ติดต่อกัน 4 วัน รวม 148 วัน
เมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) ประธานาธิบดีไบเดน เผยว่า ได้หารือกับกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กี่ยวกับไต้หวัน และผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันว่า จะยึดมั่นในข้อตกลงไต้หวัน ที่ สำนักข่าว Reuters ขยายความคำว่า ไบเดนหมายถึงนโยบาย “จีนเดียว” ซึ่งเป็นจุดยืนของสหรัฐฯ มานานแล้ว รวมไปถึง “กฎหมายความสัมพันธ์กับไต้หวัน” ของสหรัฐฯ ที่อนาคตของไต้หวันจะถูกตัดสินด้วยการใช้วิถีทางแห่งสันติ
ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมของไต้หวัน ระบุว่า ความตึงเครียดทางทหารระหว่างไต้หวันกับจีนเข้าขั้นรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี และ วิกฤตการณ์เร่งด่วนได้เกิดขึ้นตรงหน้าแล้ว
นอกจากนี้ ยังคาดว่าจีนจะมีศักยภาพพร้อมเต็มรูปแบบในการบุกยึดเกาะไต้หวันภายในปี 2025 แต่จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ก่อนที่จะทำเช่นนั้น และแม้ไต้หวันมีความสามารถในการโจมตีไต้หวันในทุกด้านในขณะนี้ แต่ก็ต้องคำนึงถึงต้นทุนของความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน
สำหรับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ล่าสุด The Straits Times รายงานว่า ในสัปดาห์นี้รัฐบาลของไบเดน ให้คำมั่นที่จะจีนรับผิดชอบต่อข้อผูกพันที่ทำไว้ในข้อตกลงการค้าระยะที่หนึ่งที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทำไว้ และให้คำมั่นว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกา
แคเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ เตรียมพบกับ นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีของจีน ในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับสิ่งที่สหรัฐฯ มองว่า จีนยังไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว