โป๊ปเลโอที่ 14 จะสืบสานแนวทางต่อจากโป๊ปฟรานซิส ชี้ AI ท้าทายต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนเมื่อวานนี้ (10 พ.ค.) ว่าพระองค์จะดำเนินพันธกิจตามรอยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้ล่วงลับ พร้อมตรัสแก่คณะพระคาร์ดินัลว่า ควรยึดมั่นในมรดกอันล้ำค่าดังกล่าว และระบุว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือหนึ่งในความท้าทายสำคัญที่กระทบต่อแรงงาน และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ในโอกาสพบปะกับคณะพระคาร์ดินัลอย่างเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งเริ่มต้นด้วยเสียงปรบมือต้อนรับอย่างอบอุ่น พระองค์ได้ตรัสว่าทรงเลือกพระนาม “เลโอ” เพื่อสืบสานแนวทางของ สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 13 ผู้ทรงให้ความสำคัญกับ “ปัญหาทางสังคมในบริบทของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ครั้งแรก”
พระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ทรงปกครองคริสตจักรโรมันคาทอลิกตั้งแต่ปี 1878-1903 และเป็นที่จดจำในฐานะ “พระบิดาแห่งคำสอนทางสังคมของคริสตจักร” โดยเฉพาะจดหมายเปิดผนึกปี 1891 ที่ชื่อว่า “Rerum Novarum” หรือ “ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงปฏิวัติ” ซึ่งกล่าวถึงผลกระทบร้ายแรงของการปฏิวัติอุตสาหกรรมต่อชีวิตของแรงงาน
“ในยุคของเราเอง พระศาสนจักรยังคงมอบขุมทรัพย์แห่งคำสอนทางสังคมเพื่อตอบสนองต่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคใหม่ และพัฒนาการด้านปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ในการปกป้องศักดิ์ศรีมนุษย์ ความยุติธรรม และแรงงาน” พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ตรัสเป็นภาษาอิตาเลียนอย่างคล่องแคล่ว
ในการพบปะครั้งนี้ พระองค์ยังทรงแสดงจุดยืนว่าจะสืบสานการปฏิรูปของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส และเจตนารมณ์ด้านความยุติธรรมทางสังคมอย่างเต็มที่
พระองค์ทรงเชิญชวนเหล่าพระคาร์ดินัลให้ร่วมกันสานต่อมรดกอันล้ำค่า และเดินหน้าตามความหวังที่เกิดจากความเชื่อ พร้อมกับทรงขอให้ผู้นำคริสตจักรระดับสูงร่วมกันฟื้นฟูเจตนารมณ์ของ สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงคริสตจักรครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1960 รวมถึงการอนุญาตให้ประกอบพิธีมิสซาเป็นภาษาท้องถิ่นแทนภาษาละติน
วิสัยทัศน์ของพระองค์เน้นว่า คริสตจักรควรมุ่งเน้นภารกิจแพร่ธรรม (missionary focus) การเติบโตในความร่วมมือระหว่างกัน (collegiality และ synodality) การสนทนาอย่างกล้าหาญกับโลกยุคใหม่ และความห่วงใยอย่างรักใคร่ต่อผู้ถูกทอดทิ้งและคนชายขอบ
ในวันนี้ (11 พ.ค.) สมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงปรากฏพระวรกายบนระเบียงมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เป็นครั้งที่สอง เพื่อทักทายฝูงชน โดยทางกรุงโรมคาดว่ามีผู้แสวงบุญมากถึง 150,000 คน ส่วนพิธีสถาปนาพระสันตะปาปาจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม