LGBTQ+ ผู้อพยพ สงครามความขัดแย้ง โป๊ปเลโอที่ 14 มีจุดยืนต่อแต่ละประเด็นอย่างไร ?

หลังสมเด็จพระสันตะปาปาฟราสซิสสิ้นพระชนม์ จนสู่ควันขาวที่ออกจากปล่องของโบสถ์น้อยซิสทีน ซึ่งเป็นสัญญาณของการได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่ ซึ่งก็คือคาร์ดินัลโรเบิร์ต ฟรานซิส เพรโวสท์ ที่เลือกใช้พระนาม ‘สมเด็จพระสันตาปาปาเลโอที่ 14’
‘สมเด็จพระสันตาปาปาเลโอที่ 14’ ถูกมองว่าไม่ได้มีความเป็นอนุรักษ์นิยมจ๋า แต่ก็ไม่ได้มีความเป็นหัวก้าวหน้าหากเทียบเท่ากับโป๊ปองค์ก่อน โดยถูกมองว่าเป็นนักบวชสายกลาง และเป็นที่รู้จักนักไกล่เกลี่ย
แต่พระสันตะปาปาองค์ใหม่นี้ ที่จะเป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของคนหลายล้าน ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้ง และสังคมมากมายในปัจจุบันนี้ มีจุดยืน หรือเคยพูดถึงประเด็นต่างๆ นี้ไว้ว่าอย่างไรบ้าง ? และสุนทรพจน์แรกต่อสาธารณะชนที่พูดถึงสันติภาพ แสดงให้เห็นทิศทาง และบทบาทของพระองค์อย่างไร
LGBTQ+
คริสตจักรคาทอลิกมีจุดยืนที่แน่วแน่ว่ารักร่วมเพศเป็นบาป และคู่รักเพศเดียวกันยังไม่สามารถแต่งงานภายในคริสตจักรได้ แต่บทบาทของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสนั้น ทำให้เห็นความก้าวหน้าของคริสตจักร จากการที่พระองค์เขียนจดหมายอวยพรกลุ่มคน LGBTQ+ ทั้งยังเขียนถึงกลุ่มพระคาร์ดินัลอนุรักษ์นิยม ถึงการไม่กีดกันคนกลุ่มนี้ ซึ่งก็ต้องการขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเช่นกัน
มีการมองว่า จุดยืนของสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 นั้น แตกต่างจากพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยพระองค์เคยพูดถึง LGBTQ+ ตามรายงาน ในช่วงเดือนตุลาคมปี 2024 พระคาร์ดินัลโรเบิร์ต ฟรานซิส เปรวอสต์ได้ชี้ถึงความจำเป็นที่ต้องมีการพูดคุยกันมากขึ้นระหว่างการประชุมบิชอป เพื่อหารือเกี่ยวกับการให้พรคู่รักเพศเดียวกัน ที่จะสามารถนำไปใช้สอดคล้องกับความแตกต่างของวัฒนธรรมทั่วโลกได้
ในคำปราศรัยต่อบิชอบในปี 2012 สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ได้แสดงความผิดหวังต่อสื่อตะวันตกที่แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อความเชื่อที่ขัดแย้งกับพระกิตติคุณของคริสตจักร ซึ่งรวมถึงความเชื่อถึง ‘วิถีชีวิตรักร่วมเพศ’ และ ‘ครอบครัวทางเลือก’ ด้วย
ทั้งระหว่างที่พระองค์ดํารงตําแหน่งบิชอป พระองค์ยังคัดค้านความคิดริเริ่มของรัฐบาลในการสอนประเด็นเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศในโรงเรียน โดยบอกกับสํานักข่าวท้องถิ่นว่าเป็นการพยายามสร้างเพศที่ไม่มีอยู่จริง ดังนั้นจึงต้องติดตามว่า บทบาทของพระสันตะปาปาองค์ใหม่ และท่าทีต่อกลุ่ม LGBTQ+ ในยุคที่เสรีนี้จะเป็นอย่างไร
ผู้อพยพ
ดูเหมือนว่าจุดยืนของสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอเกี่ยวกับผู้อพยพสอดคล้องกับจุดยืนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยจากการสัมภาษณ์ของกลุ่มผู้ประสานงานของกลุ่มคาทอลิกเปรู ที่พระองค์เคยเป็นนักบวชอยู่เล่าว่า พระองค์มักแสดงความห่วงใยต่อผู้อพยพชาวเวเนซุเอลาในเปรูมาโดยตลอด ซึ่งเปรูเป็นประเทศที่มีชาวเวเนซุเอลาอพยพมากว่า 1.5 ล้านคน และถือว่ามากที่สุดในโลก
ทั้งก่อนหน้านี้ สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้พูดออกมาผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อต่อต้านนโยบายการย้ายถิ่นฐานของฝ่ายบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ใน X โดยการแชร์บทความที่มีชื่อว่า "ทําไมวาทศาสตร์ต่อต้านผู้อพยพของโดนัลด์ ทรัมป์ถึงมีปัญหา" และ "เจดี แวนซ์ผิด: พระเยซูไม่ได้ขอให้เราจัดอันดับความรักของเราต่อผู้อื่น"
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 มีความคิดสอดคล้องกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยในงานสัมมนาที่เกิดขึ้นตามคำขอของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ในช่วงปลายปีที่แล้วนั้น ซึ่งเรียกร้องให้คริสตจักรสนใจเกี่ยวกับประเด็นนี้ ในขณะนั้นพระคาร์ดินัลเปรวอสต์ก็ได้พูดถึงการเปลี่ยนจากแค่คำพูด เป็นการกระทำในประเด็นนี้
พระองค์เรียกร้องให้คริสตจักรมีบทบาทมากขึ้นต่อการต่อต้านการครอบงำธรรมชาติ มนุษย์ไม่ควรกลายเป็นเผด็จการ และเน้นถึงความจำเป็นของความสัมพันธ์ที่พึ่งพากันและกันกับโลกด้วย
ความขัดแย้ง และสงคราม
ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในโลกที่เคร่งเครียด ทั้งสงครามยูเครน กาซา และซูดาน คริสตจักรคาทอลิกมักมีบทบาทสำคัญที่จะไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง และเป็นศูนย์รวมจิตใจในประเด็นเหล่านี้ โดยที่ผ่านมาสมเด็จพระสันตะปาปาฟราสซิสเองก็มักออกมาเรียกร้องสันติภาพให้ชาวปาเลสไตน์ในกาซา และอธิษฐานเผื่อพวกเขา
การปราศรัยแรกของสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 เอง ก็ถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง จากการพูดถึงสันติภาพ และการสร้างสะพาน
“เหล่าพี่ชายและน้องสาวที่รัก นี่คือการทักทายแรกของพระเยซูคริสต์ผู้คืนพระชนม์แล้ว ข้าพเจ้าขอให้สันติภาพจงสถิตกับท่าน ครอบครัวท่าน และทุกท่าน ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนไหน ขอสันติภาพจงอยู่กับท่าน”
“มนุษยชาติต้องการให้ศาสนจักรเป็นสะพาน เพื่อนำพาไปสู่พระผู้เป็นเจ้าและความรักของพระผู้เป็นเจ้า จงมาช่วยกันเถิด มาร่วมกันสร้างสะพาน”
นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงประสบการณ์ของพระองค์จากการบริหาร Roman Curia ซึ่งเป็นองค์กรปกครองของวาติกัน และการเคยเป็นตัวกลางผู้ผสานรอยร้าวระหว่างบิช็อปสายอนุรักษ์นิยม และสายก้าวหน้าในเปรูที่แตกแยกกัน จึงทำให้มีการคาดหวัง และจับตาบทบาทในความขัดแย้งระหว่างประเทศ