รายงานวิจัยเปิดเผยสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนการปรับตัวสู่โลกดิจิทัลในปี 2022 หลังการระบาดของ COVID-19
A10 Networks (NYSE: ATEN) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันที่ปลอดภัยสำหรับสภาพแวดล้อมภายในองค์กร มัลติคลาวด์ และ Edge-คลาวด์ที่ระดับไฮเปอร์สเกล เปิดเผยผลการวิจัยทั่วโลก เกี่ยวกับความท้าทายที่องค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญและโฟกัสที่จะทำ หลังการระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา โดยข้อมูลและสถิติที่สำคัญทั้งหมดนี้ ถูกเก็บรวบรวมและสรุปมาแล้วจากองค์กรธุรกิจ 225 แห่งในเอเชียแปซิฟิก มีข้อมูลที่น่าสนใจทั้งหมดดังนี้
องค์กรส่วนใหญ่กังวลเรื่องการปรับตัว
- 95% ขององค์กรทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความกังวลในระดับสูงต่อความสามารถในการปรับตัวทางดิจิทัลขององค์กรทุกด้าน
- ระดับความกังวลโดยรวมสูงที่สุดเกี่ยวกับ "การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือรักษาความปลอดภัย" เพื่อให้แน่ใจว่าจะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและมอบประสบการณ์ให้ผู้ใช้ที่เหนือกว่ากับลูกค้าที่เข้าถึงระบบของพวกเขาได้ง่ายและปลอดภัย
- องค์กรต่าง ๆ ยังมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความสามารถภายในของตน ในการให้บริการ IPv4 และโยกย้ายไปยัง IPv6 ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงความตระหนักในความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
*IP หรือ Internet Protocol คือหลายเลขที่ใช้ในระบบเครือข่าย เป็นหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราครับ IPv4 จะเป็นหมายเลขที่มีทั้งหมด 32 บิต ส่วน IPv6 จะเป็นหมายเลขที่มีทั้งหมด 128 บิต หรือพูดง่าย ๆ ว่าการเปลี่ยนมาเป็น IPv6 ก็เหมือนมนุษย์ยุคหินที่อาจจะสื่อสารได้ไม่กี่คำ ต่อมาเมื่อมีการวิวัฒนาการ มีการสร้างระบบสื่อสารที่หลากหลายและละเอียดขึ้น เราก็สามารถพูดคุยและลงรายละเอียดต่าง ๆ ได้ลึกกว่าเดิมนั่นเอง
Private Cloud กำลังเป็นที่ต้องการสูงสุด
- 81% ขององค์กรทั้งหมดรายงานว่า ปริมาณการรับส่งข้อมูลเครือข่ายเพิ่มขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 39% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 47%
- 75% ขององค์กรทั้งหมดบอกว่าจะใช้ระบบ Cloud โดย 33% จะใช้ Private Cloud
- อย่างไรก็ตาม องค์กรต่าง ๆ ยังไม่มั่นใจในผู้ให้บริการ Cloud ของตนสักเท่าไร โดยมีถึง 48% ที่ระบุว่าผู้ให้บริการ Cloud ไม่สามารถตอบสนอง SLA ของพวกเขาได้ (SLA หรือ Service Level Agreements ข้อตกลงในการให้บริการว่าจะทำการรักษาระดับคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้าได้ตามข้อตกลง)
ภัยคุกคามทางไซเบอร์กำลังทวีความรุนแรง
- องค์กรต่าง ๆ มีความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียข้อมูลและทรัพย์สินที่ละเอียดอ่อนในกรณีที่มีการละเมิดข้อมูลเนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์
- ข้อกังวลอื่น ๆ ได้แก่ Ransomware การล่มของระบบหรือการล็อกดาวน์ที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่มีการโจมตีแบบ DDoS และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับแบรนด์และชื่อเสียง
- 39% ขององค์กรทั้งหมดได้มีการเริ่มใช้โมเดล Zero Trust แล้วในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (Zero Trust คือ คอนเซปต์ในการจัดการด้านระบบความปลอดภัยในยุคสมัยใหม่ ที่หลายองค์กรได้นำมาปรับใช้ ตั้งแต่การตรวจสอบผู้เข้าระบบทุกครั้ง การให้สิทธิ์ที่น้อยที่สุดหรือเท่าที่จำเป็นกับผู้ใช้งาน)
New normal อาจกลับไปคล้ายกับสิ่งที่เคยเป็น
- 63% ขององค์กรทั้งหมดกล่าวว่าในระยะยาวแล้ว พนักงานทั้งหมดหรือส่วนใหญ่จะกลับมาทำงานในสำนักงาน
- มีเพียง 14% เท่านั้นที่บอกว่า พนักงานส่วนน้อยหรือไม่มีพนักงานที่จะกลับมาทำงานในสำนักงาน และส่วนใหญ่จะทำงานจากระยะไกล สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมของการเปลี่ยนแปลงไปสู่องค์กรแบบไฮบริดถาวร
ลำดับความสำคัญของการลงทุนด้านเทคโนโลยี
- การลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และ Machine learning กำลังมาแรงมาก ๆ 52% ขององค์กรทั้งหมดเผยว่าพวกเขาใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
- 45% กล่าวว่าพวกเขาใช้เทคโนโลยี Blockchain
- 42% กล่าวว่าพวกเขาได้ปรับใช้อุปกรณ์ IoT เพื่อช่วยในการทำงานทางธุรกิจ
- องค์กรต่าง ๆ เปิดเผยว่าเทคโนโลยี Metaverse เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่สุดในด้านความยืดหยุ่นของธุรกิจในปีหน้า รองลงมาคือปัญญาประดิษฐ์, Machine learning, และเทคโนโลยี Blockchain
- เมื่อมองไปในอนาคตไกล ๆ การนำความคิดริเริ่มด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มาใช้มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงโมเดล Zero Trust คาดว่าจะมีการนำมาใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้น เนื่องจากองค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เป็นพิเศษแล้ว
ข้อมูลจากบริษัท A10 Networks (NYSE: ATEN) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันที่ปลอดภัยสำหรับสภาพแวดล้อมภายในองค์กร มัลติคลาวด์ และ Edge-คลาวด์ที่ระดับไฮเปอร์สเกล สามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม Enterprise Perspectives 2022: Zero Trust, Cloud and Remote Work Drive Digital Resiliency ได้จากที่นี่ >> [คลิก]